ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา นิยาย บท 68

[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]

เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลย

เพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจ

ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า

[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]

เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจ

ตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย

จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไร

ที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้

แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต

[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]

เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย

เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิต

เธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์

อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจะบ้าตาย

บางครั้งก้าวร้าวจนไม่อยากควบคุมจิตใจตนเองอยากจะเอาชนะเขาให้ได้

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา วันแต่งงานของพิมกับเตชินก็มาถึง

งานแต่งงานช่วงเช้าถูกจัดขึ้นที่บ้านตามประเพณีวัฒนธรรมพื้นเมือง

ช่วงบ่ายถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเมืองเชียงใหม่ แขกเหรื่อในงานต่างพากันทยอยเข้ามาในงานแล้วมานั่งโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้

แม่มะลิเดินมาหาลูกสาวแล้วกระซิบถามพิมเบาๆ

" ญาติทางฝั่งคุณเตชินจะไม่มีใครมาเลยทั้งเช้าและบ่ายเหรอลูก "

ได้ยินแม่ถามแบบนี้ พิมถึงกับพูดไม่ออก

เธอชะงักไปสามวิ

เธอรู้ดีว่าเตชินไม่ยินดีหรืออยากจะแต่งงานกับเธอหรอก

แต่ที่เขาขอเธอแต่งงานก็เพราะต้องการจะหยุดเธอไม่ให้หย่าก็เท่านั้น

แล้วเธอก็ฝืนยิ้มขึ้นเอ่ยกับแม่ว่า

" เขาไม่มาก็ดีแล้วค่ะแม่ ถ้ามาเราจะอึดอัดเปล่าๆมีแต่ฝั่งเราสบายใจกว่าเยอะจริงมั้ยคะ "

เห็นลูกสาวยิ้ม แม่มะลิก็ฝืนยิ้มตามแล้วเอ่ย

" อืม ถ้าคิดแบบนั้นก็ดีไปอีกแบบ ให้งานแต่งเสร็จสมบูรณ์ก็พอแล้ว

ส่วนคนอื่นจะเอาไปพูดหรือไปนินทายังไงก็ช่างเขาเถอะ

ขอแค่ลูกสาวแม่สบายใจมีความสุขก็พอแล้ว "

พ่อคำได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปลอบภรรยาที่เครียดกับเรื่องนี้ว่า

" ไม่มีใครรู้หรอกแม่ ว่าพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่มา

คุณเตชินเขาจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

แม่ไม่ต้องไปคิดมากหรือมัวแต่กังวลเรื่องนี้หรอก จะไม่มีใครสงสัยหรือเอ่ยถามแน่นอน แม่สบายใจได้ "

แม่มะลิพยักหน้าเบาๆ เขาไม่คิดว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาจะได้แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้

วันสำคัญของลูกสาวทั้งทีกลับเป็นวันที่เขาไม่มีความสุขเลย

ไม่นานก็ถึงคิวที่พ่อเจ้าสาวต้องเดินจูงมือเจ้าสาวไปให้เจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่บนเวที

แม่มะลิมองลูกสาวที่เดินจับมือพ่อคำอย่างสง่างามราวกับหงส์ขาวในชุดเจ้าสาวอย่างขมขื่น

พ่อคำเองก็ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความขมขื่นในใจเช่นกัน

แม้จะไม่อยากยกลูกสาวให้เตชิน แต่ทั้งสองกลับจดทะเบียนสมรสกันก่อนแล้ว และยังอยู่ด้วยกันอีก

แม้จะอยากปิดก็คงปิดไม่มิด ถึงปิดมิดก็คง ปิดได้ไม่นาน เขาเองก็จนปัญญา

เตชินในชุดเจ้าบ่าวสีขาวยืนอยู่บนเวทีอย่างสง่างามดุจเจ้าชายในเทพนิยาย

ความเหมาะสมของทั้งคู่ราวกับกิ่งทองใบหยกสวยหล่อจนทำให้คนมัวแต่ชื่นชมบ่าวสาวอย่างไม่ละสายตา

จนไม่มีใครสนใจญาติหรือพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเลย

ทำให้พ่อแม่ของพิมใจชื้นสบายใจขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีใครถามเรื่องนี้

ส่วนเตชิน เขาถึงกับตะลึงในความสวยสง่างามของเจ้าสาวเขา

ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆบนพรหมแดง เธอสวยดุจเจ้าหญิง สง่างามราวกับราชินี

สวยหยดย้อยราวกับออกมาจากในภาพวาด

จนเขาพึมพำออกมาอย่างลืมตัว

" สวย สวยมาก สวยจริงๆ "

แววตาของเตชินจับจ้องบนตัวพิมอย่างไม่กะพริบราวกับต้องมนตร์สะกด

พ่อคำส่งพิมไปให้เตชินจากนั้นทั้งสองก็ยืนกล่าวบนเวทีตามที่พิธีกรได้ตระเตรียมไว้

ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นญาติผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าว คือพ่อแม่ของผู้ช่วยคัง

แขกในงานฝั่งเจ้าบ่าวก็เป็นญาติทางฝั่งผู้ช่วยคังที่จ้างมา ดังนั้นแขกเหรื่อในงานเลยไม่มีใครสงสัยอะไร

งานแต่งงานเสร็จสิ้น การถ่ายรูปร่วมเฟรมกันของกลุ่มเพื่อนๆพิมก็จบลง ทุกคนแยกย้ายกันกลับ

แม่ของพิมที่ไม่ค่อยพอใจในตัวลูกเขยจำเป็นอย่างเตชินเลย

เขาเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

" พิมลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย "

พิมมองแม่ที่กลัวเธอจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เธอก็เผยรอยยิ้มฝืนๆแล้วเอ่ย

มาสองผืน

แล้วโยนไปให้เตชินผืนหนึ่ง จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

คำถามที่ถามไปเตชินยังไม่ได้คำตอบเธอก็หนีเข้าไปในห้องน้ำแล้ว

ทำให้เตชินรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก

ในเช้าวันต่อมา พิมตื่นแต่เช้าเตรียมตัวออกไปวิ่ง ที่ถนนคอนกรีตกลางทุ่งนา

เตชินจึงเอ่ยถามขึ้น

" คุณจะไปออกกำลังกายเหรอ "

เธอจึงตอบเพียงสั้นๆว่า

" ใช่ "

เตชินหวังจะให้เธอชวน แต่เธอกลับไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา เขาจึงเอ่ยว่า

" คุณไม่คิดจะชวนผมเลยเหรอ "

พิมมองเขาแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา

" คุณอยากไปก็ไปสิทำไมจะต้องชวนด้วย "

จากนั้นเธอก็เปิดประตูออกจากห้องไป เตชินก็ตามเธอออกไป

เธอวิ่งไปตามถนนคอนกรีตกลางทุ่งนา อากาศในตอนเช้าสดชื่นไม่แพ้ตอนเย็น

เธอวิ่งเหยาะๆแล้วหายใจเข้าลึกๆให้ร่างกายนำออกซิเจนเข้ามา

แล้วปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปอย่างเต็มที่

เตชินที่วิ่งอยู่ข้างๆเธอเห็นที่ดินของตัวเองก็แสร้งเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ

" อ้อ เพิ่งรู้ว่าที่ดินผมจะใกล้บ้านคุณขนาดนี้ "

แม้จะเป็นการพูดที่ไม่ต้องการคำตอบ

แต่พอพิมได้ยินเธอรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย คล้ายถูกตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บใจ

เธอจึงหยุดวิ่งแล้วหันมามองเตชินด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ย

" คุณเตชิน คุณเพิ่งรู้จริงๆเหรอ ไม่ใช่ว่าคุณตั้งใจหรอกเหรอ "

เตชินเห็นว่าสีหน้าเธอดูจริงจังและเย็นชามาก

เขาไม่อยากทะเลาะกับเธอจึงเอ่ยว่า

" โอเคๆ ผมยอมรับ ว่าผมตั้งใจซื้อที่ใกล้บ้านคุณ อนาคตถ้าเรามีลูกด้วยกัน

ลูกก็จะได้อยู่ใกล้ๆคุณตอนที่มาพักตากอากาศที่นี่ คุณเองก็จะได้เจอลูกด้วย "

ได้ยินแบบนี้อีกแล้ว เธอรู้สึกเบื่อและรำคาญกับคำพูดเดิมๆซ้ำๆ เธอจึงเอ่ยว่า

" เสียใจด้วย ฉันคงทำให้คุณผิดหวังแล้ว "

เอ่ยจบเธอก็วิ่งต่อทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา