เตชินไปรอรับรตีที่กลับมาจากต่างประเทศที่สนามบิน
ไม่นานรตีก็นั่งรถเข็นออกมา ทันทีที่เตชินเห็นรตีเขาก็เดินเข้าไปหาเธอด้วยคามดีใจ
แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับมีความรู้สึกสับสนเข้ามาทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขเช่นกัน
รตีนั่งบนรถเข็น แล้วเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยเรียก
" เตชิน "
เตชินเข้าไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของรตีแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับกุมมือรตีไว้
" ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ผมคิดถึงคุณที่สุดเลยรู้มั้ย "
รตียิ้มแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล
" ฉันก็คิดถึงคุณที่สุดเหมือนกันค่ะ "
เตชินเม้มปากแล้วฉีกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
สบตากับรตีที่นั่งบนวีลแชร์ไฟฟ้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล
" เรากลับบ้านกันเถอะ "
" ค่ะ "
รตีตอบรับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
จากนั้นเตชินก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปยืนข้างหลัง เอ่ยกับคนดูแลรตีว่า
" ผมขอเข็นเองนะครับ "
คนดูแลรตีหลีกให้เตชิน มือทั้งสองของเตชินก็ยื่นไปจับด้ามจับของวีลแชร์ไฟฟ้า
แล้วเข็นรตีออกจากสนามบินไปที่รถทันที
พอมาถึงรถ เตชินก็อุ้มรตีขึ้นมาจากรถเข็นแล้ววางเธอลงบนเบาะรถนุ่มๆอย่างทะนุถนอม
จากนั้นตัวเขาและคนดูแลรตีก็เข้าไปนั่งในรถ
คนขับรถก็ขับออกจากบริเวณสนามบินทันที
ทางด้านพิม พอรุ่นพี่มาบอกเธอว่า ที่สนามบินหรือในละแวกใกล้เคียง
ไม่มีคนของเตชินมาเฝ้าหรือตามหาตัวเธอแล้ว
เธอรู้ได้ทันทีว่าเตชินคงจะล้มเลิกความตั้งใจ
ที่จะตามหาเธอแล้ว
เพราะหลังจากที่รุ่นพี่มาบอกข่าวดี
เธอก็ขอให้รุ่นพี่คอยสังเกตการณ์ให้
ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ก็ไม่มีคนแปลกหน้าเคลื่อนไหวในละแวกใกล้เคียงกับที่เธออยู่อีกเลย
เธอจึงรีบจองตั๋ว แล้วเรียกรถไปที่สนามบินทันที
พอถึงทางแยกไฟแดง รถที่เธอนั่งก็ขับสวนทางกับรถของเตชินที่จอดรอไฟแดงพอดี
พอเตชินเห็นเธอที่นั่งในรถที่ขับผ่านรถเขาไปเท่านั้นแหละ
ใจของเขาก็เต้นโครมครามขึ้นมาด้วยความดีใจ
แต่เขาก็ทำได้แค่มองตามรถของเธอไปอย่างเสียดายและลืมตัวไปชั่วขณะ
[ พิม! เป็นคุณจริงๆด้วย ทำไมคุณเพิ่งมาปรากฏตัวเอาวันนี้นะ ]
จากนั้นเขาก็หันไปมองรตีแล้วเอ่ย
" รตี ผมมีธุระต้องไปจัดการด่วน คุณกลับไปก่อนนะ เรื่องวันนี้ผมจะชดเชยให้คุณทีหลังผมสัญญา "
เอ่ยจบเขาก็เปิดประตูลงจากรถทันที เขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้พิมคืนมาแล้ว
เมื่อเห็นเตชินลงจากรถไปอย่างรีบร้อน รตีก็ร้องเรียกเขาเสียงดัง
" เตชิน! เดี๋ยวสิ เตชิน เตชิน "
เตชินไม่สนใจเสียงเรียกของรตี เขาวิ่งข้ามไปยังอีกฝั่งของถนนแล้วเรียกแท็กซี่
พอเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเจือความตื่นเต้น
" ไปสนามบิน ขอขับเร็วหน่อย "
" ได้ครับ "
แล้วคนขับแท็กซี่ก็ขับออกไปทันที
[ พิมคุณจะใจร้ายเกินไปแล้ว ไม่แม้จะหันกลับมามองผมที่อยู่ข้างหลังเลย
แม้แต่หน้าของคุณ คุณก็ไม่อยากให้ผมเห็นแล้วเหรอ ]
เขามองจนแผ่นหลังของพิมลับสายตาไป
พิมเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองข้างหลังอีกเลย
สีหน้าของเธอนิ่งเฉย ปรากฏเพียงแววตาเย็นชาที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมายภายใต้แววตาคู่งาม
[ ลาก่อนค่ะ คุณเตชิน หลังจากนี้ไป เราต่างคนต่างเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าได้รู้จักกันอีกเลย
ขอให้คุณไปใช้ชีวิตกับคนที่คุณรัก คนที่คู่ควรกับคุณ
ขอบคุณสำหรับบทเรียนราคาแพงที่คุณมอบให้
ฉันจะจดจำมันไปชั่วชีวิต ว่าครั้งหนึ่งฉันก็เคยเป็นคนไร้ค่าขายศักดิ์ศรีให้คุณ ]
เมื่อผ่านการตรวจทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็เดินเข้าไปในเครื่องบิน แล้วยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้เจ้าหน้าที่สแกน
พอเจ้าหน้าที่สแกนเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินเข้าไปนั่งในเลขที่นั่งของเธอ
ไม่นานเครื่องบินก็แล่นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เธอหลับตาลงอย่างช้าๆแล้วพึมพำในใจ
[ ในที่สุดเราก็เป็นอิสระหลุดพ้นจากชีวิตที่อัปยศอดสูสักที ]
1 ปี ต่อมา.........
พิมได้เข้าสอบครูผู้ช่วยในสนามสอบ สพฐ.
เมื่อผลสอบแข่งขันประกาศออกมา เธอสอบติดได้อันดับที่หนึ่ง
ไม่นานเธอก็ไปสอบสัมภาษณ์ เมื่อผ่านแล้ว
เธอจึงเลือโรงเรียนมัธยมที่อยู่ต่างอำเภอในเขตนอกเมือง
เธออยากมีชีวิตที่สงบ ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับคนรวยพวกนั้นอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา