บทที่534 ความห่างไกลที่ใกล้ที่สุด
จ๋องซึงถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าเป็นคนนี่ยากเสียจริง
“แม่ผมนี่จริงๆเลย เรื่องแบบนี้จะรีบได้ไง?ถ้าหล่อนแนะนำผู้หญิงดีๆให้สักนิดผมก็รับได้ หล่อนหาให้ผมแต่คนไม่สวยๆ!”
“ก่อนหน้านี้แม่ผมยังเอาลูกสาวของบริษัทเหอเสิ้งแนะนำให้ผมด้วย ชมหล่อนอย่างดี ผมว่าคุณไม่เห็นมัน ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับแมงป่อง ตกใจจนเกือบจะทำให้ผมเป็นโรคหัวใจ”
ได้ยินชื่อนี้หลี่ซูเจ๋ก็ขมวดคิ้ว
“บริษัทเหอเสิ้ง?”
“อ้อบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง คุณคงไม่รู้เรื่องพวกนี้”จ๋องซึงไม่ทันสังเกตท่าทางแปลกๆของหล่อน
“เสียดายที่ประธานบริษัทเหอเสิ้งเสียแล้ว บริษัทเหอเสิ้งล้มละลาย ภรรยาและลูกเขาน่าจะไปต่างประเทศ ดีที่ตระกูลเขาล้มละลาย ไม่งั้นแม่ผมคงเอาผู้หญิงคนนี้จริงๆ ผมว่าผมกับแม่หล่อนคงตัดความสัมพันธ์กันจริงๆ”
อีกอย่างในใจของจ๋องซึงก็ยังแปลกใจ มักจะรู้สึกว่าเหล่าท่านประธานของบริษัทเหอเสิ้งเสียไปน่าจะเกี่ยวข้องกับลู่เหวินซู
ไม่งั้นพอเขาไปส่ง ทำไมต่อมาพวกเขาก็ตายเลย?
เพราะว่าเรื่องนี้ทำให้ลู่เหวินซูถูกไปที่โรงพัก แต่ว่าอยู่แค่ไม่กี่วันฝุ่นบนเสื้อก็ออกมา
เห็นหลี่ซูเจ๋ก้มลงไม่พูดอะไร จ๋องซึงก็ถาม“ไม่สบายเหรอ?”
“อือ ช่วงท้องน่ะ บางทีก็ลำบากอยากจะอ้วก”หลี่ซูเจ๋รีบกลับมามีสติเลยหาข้ออ้างไปทั่ว“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
จ๋องซึงคิดแล้วก็พูดกับหล่อน:“คืนนี้ผมพาคุณไปทานข้างนอก เปลี่ยนรสชาติบ้างแล้วก็จะได้ซื้อเสื้อผ้าให้ด้วย”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่เป็นไรก็ใช้เงินไม่มากซะหน่อย ไม่แน่ครั้งหน้าแม่ผมอาจจะมาอีก!หล่อนอยากดูว่าคุณอยู่ดีไหม ต้องสงสัยเราสองคนแน่ๆ”
หลี่ซูเจ๋พูดอย่างสงสัย“ฉันมองไม่เห็น”
“ไม่เป็นไร คุณสวมแว่นกันแดดจับผมไว้ตลอดก็พอแล้ว”จ๋องซึงเห็นว่ามือหล่อนเต็มไปด้วยสี“มือคุณสกปรกให้ผมพาคุณไปล้างไหม?”
“โอเค”
เขาประคองหลี่ซูเจ๋ไปห้องล้างมือ และยังใส่ใจโดยเอาสบู่เหลวใส่มือหล่อน
มองหญิงสาวที่ล้างมืออยู่ข้างๆจ๋องซึงก็นึกถึงรู้วาดข้างนอกนั้น จึงถามอย่างแปลกใจ:“ทำไมคุณวาดรูปมือข้างหนึ่งข้างๆดอกทานตะวันล่ะ หมายถึงอะไร?”
หลี่ซูเจ๋ที่ล้างมือก็นิ่งไปพูดเรียบๆว่า“คิดว่าเป็นศิลปะดีก็เลยวาดน่ะ”
“อ้อ”จ๋องซึงพยักหน้า
อีกอย่างรูปนั้นก็มีศิลปะจริงๆ คนทั่วไปคงดูไม่ออก
เสื้อผ้าของหลี่ซูเจ๋ก็สกปรก ต้องเปลี่ยนชุด หล่อนบอกว่าเปลี่ยนเองได้ ไม่ต้องให้คนใช้ช่วย จ๋องซึงก็เลยลงไป
พอเห็นคนใช้เขาก็พูดกับคนใช้“ผมจะพาหล่อนไปทานข้าว ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นนะ”
“โอเคค่ะ”
“อ้ออีกอย่าง”จ๋องซึงพูดขึ้นอีก“เดี๋ยวคุณไปวัดขนาดของภาพที่กระดานวาดนั่นนะ ใส่กรอบให้มันแล้วแขวนที่ห้องรับแขก รูปสวยมาก”
คนใช้รู้ว่าหลี่ซูเจ๋มองไม่เห็น คิดว่าภาพคงงั้นๆก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า:“รูปที่คุณนายวาดจะมีค่ากว่าของสะสมในนิทรรศการได้ยังไง”
จ๋องซึงยักไหล่
ที่จริงเขาอยากเอารูปนั้นกลับไปอยากเงียบๆ ไปเสแสร้งต่อหน้าเพื่อนๆ โก่งราคาสูงๆรับเงินก้อนใหญ่
แต่ว่านี่คือรูปที่หลี่ซูเจ๋วาด เขาเอาไปคงไม่ดี
ไม่กี่นาทีถัดมา หลี่ซูเจ๋ก็เปลี่ยนเป็นกระโปรงโคร่งๆลงมา
หล่อนเคยชินกับสภาพภายในห้องแล้ว ถึงมองไม่เห็นก็ไม่เป็นปัญหา คลำๆบันไดลงมาช้าๆ
ถ้าไม่ใช่ว่าจ๋องซึงรู้ว่าหล่อนมองไม่เห็น คงคิดว่าหล่อนเป็นคนปกติทั่วไป
จ๋องซึงเอาแว่นกันแดดสีชาให้หล่อนสวม
แว่นค่อนข้างใหญ่เกือบจะวางที่จมูกหล่อนไม่ได้ ท่าทางตลกหน่อยๆนั้นทำให้จ๋องซึงหัวเราะ
“เฮ้”ตาของหลี่ซูเจ๋มองไปทางเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เป็นความผิดของแว่น ไม่ใช่คุณ!”จ๋องซึงยังขำ“เดี๋ยวซื้อให้คุณอันนึง”
หลี่ซูเจ๋เดินไปที่ประตูเอง ไม่สนเขา
จ๋องซึงรีบตามไป พอช่วยหล่อนเปลี่ยนรองเท้าก็ดึงมือหล่อน
แขนหล่อนนุ่มๆอุ่นๆ ไม่เหมือนครั้งนั้นที่เย็นๆ
เห็นหญิงสาวหดแขนไว้ด้านหลัง จ๋องซึงจึงคว้าแขนหล่อนไว้ที่เอวตัวเอง:“ถ้าคุณไม่อยากใช้ไม้เท้าของคนตาบอดเดินหาทาง ก็ต้องให้ผมเป็นตาให้คุณ”
ทำให้จ๋องซึงตกใจจนช็อค โทรไปร้านอาหารตะวันตกเพื่อสั่งซุปสองสามอย่าง ให้คนมาส่ง
ตั้งแต่ซุปเห็ด ซุปฟักทอง ไปยันซุปปลามะนาวของร้านอาหารเสฉวน ซุปอะไรเขาก็ให้หลี่ซูเจ๋ลองดู
พอเห็นหลี่ซูเจ๋เริ่มอยากอาหาร เอาซุปปลามะนาวนั่นกินกับข้าวเสร็จเลยโล่งใจหน่อย
“แฟนคุณนี่เลวมากจริงๆ!”จ๋องซึงต่อว่า“ผู้หญิงท้องลำบากขนาดนี้ยังมาทะเลาะกับคุณอีก พาคุณไปทิ้งที่ต่างประเทศ ถ้าเป็นผมเมียท้องแบบนี้ อย่าว่าแต่ด่าหรือตีเลย ผมก็ไม่กล้าทำ”
หลี่ซูเจ๋ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
จ๋องซึงกลัวหลี่ซูเจ๋ทานข้าวไม่สบายเลยพาไปเดินเล่นซื้ออุปกรณ์เล็กๆสองสามอย่างแล้วก็ค่อยพาไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้าง
ทีแรกหลี่ซูเจ๋ก็ลองไม่กี่ชุด พอรู้ราคาเลยบอกจ๋องซึงว่าหล่อนท้อง ท้องจะโตไวมาก ต้องเปลี่ยนชุดบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อดีขนาดนั้น
จ๋องซึงตอบรับแต่ตอนออกไปก็แอบเอาชุดพวกนั้นไปจ่าย
ต่อมาเขาก็พาหลี่ซูเจ๋ไปร้านคนท้องโดยเฉพาะ หลี่ซูเจ๋เลือกไปสองสามชุด
“พอแล้ว”หลี่ซูเจ๋พูด“พอแม่คุณมาจะต้องพาฉันไปซื้อชุดแน่ๆ จะไม่รับก็ไม่ได้ พวกนี้ก็พอที่ฉันจะใส่ได้อีกนานเลยอีกอย่างฉันก็เหนื่อยแล้ว”
“โอเค งั้นกลับกันเถอะ”จ๋องซึงเห็นหน้าผากหล่อนมีเหงื่อเล็กน้อย เลยแน่ใจว่าเริ่มเหนื่อย
เขาหยิบทิชชู่ช่วยเช็ดให้หล่อน ถามอย่างยิ้มๆว่า:“เป็นไงบ้าง ออกมาก็ดีขึ้นใช่ไหม?ท่าทางของคุณตอนนี้ดีกว่าเมื่อกี้ที่อยู่บ้านเสียอีก”
หลี่ซูเจ๋ยิ้มแล้วพยักหน้า“อือ รู้สึกว่าไม่ได้ตกรางไปกับโลก”
จ๋องซึงยิ้มออกมาแล้วพูดเยาะเย้ย:“งั้นต่อไปผมต้องพาคุณออกมาบ่อยๆ คุณจะได้ไม่ตกรางไปกับดลก”
ทั้งสองพูดคุยไปยิ้มไป เดินไปที่ถนน
และถนนที่ห่างไปอีกเส้นนึง ร่างสูงเดินผ่านท่ามกลางฝูงคน ชุดสูทยับยู่ยี่ ใบหน้าหล่อเหลาดูเสียทรงไปหน่อยๆ
ชายคนนั้นมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาอะไร
ตอนที่สายตาจ้องไปที่ถนนตรงข้ามก็ดันไปเห็นจ๋องซึงที่พาหลี่ซูเจ๋เข้าไปในแท็กซี่ แล้วตัวเองก็นั่งลงไป
ชายคนนั้นมองเห็นรถวิ่งออกไป
***************
ผู้อ่านที่รักทุกคนค่ะ เรื่องนี้ผู้แต่งกำลังเขียนอยู่ค่ะ เวลาอัพเดทตอนใหม่ไม่แน่ค่ะ รบกวนอดใจรอนะคะ ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและความเข้าใจของคุณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...