“ด้วยพฤติกรรมของเธอนั้น เรื่องแบบนี้เธอสามารถทำออกมาได้แน่นอน”มายมิ้นท์เยาะเย้ย
ลาเต้กำชับด้วยความเป็นห่วง“มิ้นท์ ที่ดารามายกลับมาครั้งนี้มาเพื่อเทนเดอร์กรุ๊ปแน่ๆ หากครั้งนี้เธอไม่ได้เทนเดอร์กรุ๊ปไป คงไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่นอน ดังนั้นคุณเองก็ต้องระวังตัวเองด้วย อย่าถูกเธอดีดลูกคิดหมายเล่นงานนะครับ ”
“วางใจได้เลยเต้ ฉันรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว”มายมิ้นท์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
ลาเต้พยักหน้าเล็กน้อย“ถ้าเช่นนั้นก็ดีครับ หากว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยเหลือ ก็โทรหาผมนะครับ”
“อื้อ”รอยยิ้มบนใบหน้าของมายมิ้นท์เยอะกว่าเดิม
“ถ้างั้น ผมวางสายก่อนนะครับ”ลาเต้ได้เอ่ยปากพูด
“รอก่อน”มายมิ้นท์รีบเรียกเขาไว้อย่างเร็วไว
ลาเต้ได้แนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูอีกครั้งหนึ่ง“มีเรื่องอะไรอีกหรือครับ?”
มายมิ้นท์ได้กัดริมฝีปากเล็กน้อย“เต้ คุณยังโทษฉันอยู่อีกไหมคะ?”
“โทษคุณหรือ?”ลาเต้มีความไม่เข้าใจเล็กน้อย“คุณหมายถึงอะไรหรือครับ?”
“ก็คือเรื่องก่อนหน้านี้ที่ฉันได้ปฏิเสธน่ะ”มายมิ้นท์ก้มศีรษะลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
แม้ว่าการที่เราปฏิเสธความรู้สึกของคนคนหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
แต่เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเพื่อนกัน เธอได้ปฏิเสธเขา ภายในใจไม่มากก็น้อยที่ต้องรู้สึกผิด รู้สึกขอโทษเขา และรู้สึกว่าได้ทำร้ายเขา
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากันเลย และไม่ได้ติดต่อกันอีกด้วย
ดังนั้นความรู้สึกผิดภายในใจของเธอนั้น ก็ยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะว่าก่อนหน้านั้น เขาแทบจะมาหาเธอเกือบทุกวี่ทุกวัน แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากัน แต่ในทุกวันก็จะคุยทางวีแชตอยู่คำสองคำ
แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว เขาก็ไม่เคยมาหาเธออีกเลย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกกังวลอย่างมาก หรือว่าเขาในอนาคต ก็จะไม่สนใจเธอ และออกห่างจากเธอทีละนิดทีละน้อยจริงๆหรือ
แต่สิ่งที่โชคดีคือ หลังจากที่เธอไม่สบายใจมาเป็นเวลานาน คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะริเริ่มโทรมาหาเธอก่อน
แม้ว่าจะโทรมาคุยเรื่องสำคัญ แต่เธอก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
อย่างน้อยๆ เขาก็ยังเต็มใจที่จะคุยกับเธออยู่ ซึ่งก็หมายความว่า ระหว่างพวกเขานั้น ไม่ต้องกลายเป็นคนแปลกหน้ากันแล้ว
ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ หลังจากที่ลาเต้ได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์นั้น ก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง และได้เอ่ยปากพูดว่า:“ผมไม่เคยโทษคุณมาก่อนเลยสักครั้ง สิ่งที่ผมโทษคือโทษตัวผมเองมาโดยตลอด โทษตัวเองว่าทำไมถึงไม่มีความกล้าเลย โทษตัวเองว่าทำไมไม่ริเริ่มที่จะมุ่งมั่นสักหน่อย แต่ต่อให้ผมโทษตัวเองมากแค่ไหน ผมก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลย เพราะไม่ว่าจะยังไง คุณก็ไม่มีทางมีความรู้สึกเช่นนั้นกับผม ”
หากว่าเธอจะชอบเขาล่ะก็ เธอคงชอบเขาตั้งนานแล้ว ไม่มีทางที่จะตกหลุมรักเปปเปอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าเลย
“ขอโทษนะเต้……”มายมิ้นท์ก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิด
ลาเต้ยิ้มพร้อมกับโบกมือ“เอาเถอะ คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก คุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผม เรื่องของความรู้สึกนั้น เดิมทีก็ต้องเต็มใจกันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ไม่สามารถบังคับกันได้เลย คุณไม่ได้ชอบผม และปฏิเสธผมนั้นก็สมควรแล้ว หากเพราะว่าการปฏิเสธของคุณ กลับทำให้ผมขุ่นเคืองใจต่อคุณ ถ้างั้นผมก็คงไม่คู่ควรที่จะชอบคุณเลย มากไปกว่านั้นคือไม่สมควรที่จะเป็นผู้ชายคนหนึ่งด้วยซ้ำ”
มายมิ้นท์ได้กัดริมฝีปาก“เต้ คุณคิดเช่นนี้จริงๆหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”ลาเต้พยักหน้า แล้วดวงตาของเขาก็มืดลงเล็กน้อย“อันที่จริงในสองวันแรกนั้น ผมไม่สามารถรับได้เลยจริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวผมเองรักคุณมานานหลายปี แล้วทำไมคุณถึงไม่สามารถมารักผมได้ล่ะ?ดังนั้นในสองวันแรกนั้น ผมได้สับสน ได้เจ็บปวด และได้ขังตัวเองไว้ จนกระทั่งคุณแม่ของผมได้พูดกับผมมากมาย ผมจึงจะคิดได้ แล้วเดินออกมาจากความสับสนนั้น”
“คุณป้าได้พูดอะไรกับคุณหรือคะ?”มายมิ้นท์ถามด้วยความสงสัย
ลาเต้ยิ้มเล็กน้อย“ก็แค่คำพูดจำพวกที่ให้ผมคิดบวกหน่อย ให้ผมปล่อยวางทำนองนั้นเอง แต่ว่าสิ่งที่เธอพูดก็ถูกอยู่ เธอพูดว่าการที่รักคนคนหนึ่งนั้นไม่ผิดเลย แต่หากว่าคนคนนั้นไม่ได้รักคุณ งั้นความรักที่คุณมีต่อเธอนั้น สำหรับเธอแล้ว มันก็คือภาระอย่างหนึ่ง เพราะว่าเธอไม่สามารถที่จะตอบกลับความรู้สึกคุณได้เลย หากว่าเธอได้ตอบกลับความรู้สึกคุณ มันก็อาจจะไม่ใช่ว่าเธอรักคุณ อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอแค่ไม่ต้องการที่จะทำร้ายคุณ เมื่อถึงเวลานั้น คนที่โดนทำร้ายและคนที่เจ็บปวดก็คือทั้งสองคน มิ้นท์ ก่อนหน้านั้นผมทำให้คุณรู้สึกกดดันมากเลยใช่ไหม?”
ริมฝีปากที่แดงก่ำของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อย ต้องการพูดว่าไม่เลย แต่พอคำพูดนั้นมาถึงปาก กลับพูดไม่ออกมา
ลาเต้ได้แตะที่ปลายจมูกเล็กน้อย“ขอโทษนะมิ้นท์”
หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดของคุณแม่จบ จึงจะรู้ว่าบางความรักนั้น สำหรับคนอื่นแล้ว มันก็คือความลำบากใจ
และอีกอย่างคุณแม่ก็ได้พูดแล้ว หากว่ารักคนคนหนึ่งจริงๆล่ะก็ ก็จะหวังให้อีกฝ่ายนั้นมีความสุข มีชีวิตที่ดี แต่ไม่ใช่ว่าหวังที่จะให้อีกฝ่ายต้องคบหากับตัวเองเท่านั้น
หากว่าต้องการให้อีกฝ่ายคบหากับตัวเองเท่านั้น นั่นก็ไม่ใช่ความรักแล้ว แต่นั่นเป็นการครอบครอง
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้บุคลิกแรกของราเม็งได้แย่งสิทธิ์ในการบังคับร่างกายนั้นกลับคืนแล้วหรือยัง
และอีกอย่าง บุคลิกที่สองนั้นจะมีความรู้สึกเช่นนั้นกับเธอไหม เธอก็ไม่แน่ใจเลย
ดังนั้นแล้วมันจึงเร็วเกินไป ที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ในตอนนี้
หลังจากนั้น มายมิ้นท์และลาเต้ก็ได้พูดอะไรอีกหลายอย่าง จึงจะวางสายโทรศัพท์ลง
มองดูที่โทรศัพท์แล้ว มายมิ้นท์ก็ได้ยิ้มเล็กน้อย
หลายวันมานี้ สิ่งที่เธอกังวลใจมากที่สุด ก็คือลาเต้
แต่ในที่สุดตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว เต้โล่งอกสำหรับความรู้สึกนี้แล้ว ได้ปล่อยวาง และเต็มใจที่จะเปลี่ยนกลับความสัมพันธ์ที่มีต่อเธอแบบเมื่อก่อน
สามารถพูดได้ว่า นี่เป็นเรื่องที่เธอรู้สึกดีใจมากที่สุดในวันนี้
ขณะที่คิด มายมิ้นท์ก็ได้เปิดผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียง ก้าวเดินตรงไปทางห้องอาบน้ำ ด้วยฝีก้าวที่ร่าเริง
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอได้เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังมาจากห้องนั่งเล่น
มายมิ้นท์เดินไปด้วยความสงสัย“ใครคะ?”
“ผมเอง”ด้านนอกประตูนั้นมีน้ำเสียงที่ทุ่มและน่าฟังของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมา
มายมิ้นท์เปิดประตูด้วยความประหลาดใจ และมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ด้านนอกประตูนั้น“คุณมาได้ยังไง?”
เปปเปอร์ยกถุงกระดาษใส่อาหารเช้าในมือขึ้น พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก“อยากเจอคุณ อยากกินข้าวเช้ากับคุณครับ”
ใบหน้ามายมิ้นท์แดงทันที“เมื่อคืนพึ่งเจอเองไม่ใช่หรือคะ เข้ามาเถอะ”
เธอได้เปิดประตูออกหมด ตัวเองก็หันไปด้านข้างเล็กน้อย หลีกทางด้านหน้าประตูให้ เพื่อแสดงให้เขาเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...