“……”ดารามายถูกเธอพูดจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าก็ดูแย่มาก
มานมิ้นท์ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธอ และเอื้อมมือไปทางปุ่มปิดประตูลิฟต์นั้น
เธอยังไม่ถึงชั้นที่จะขึ้นไปเลย
“เฮ้ คุณทำอะไรน่ะ!”ในทันใดนั้นยังไม่ทันรอให้มายมิ้นท์ได้กดปุ่มปิดประตูลิฟต์ ดารามายก็ได้พูดขึ้นมากะทันหัน และรีบกดปุ่มเปิดด้านนอกนั้น
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฉันจะขึ้นไปชั้นบนสุด แล้วคุณคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ?ในเมื่อคุณไม่เข้ามา งั้นแน่นอนว่าฉันก็ต้องปิดประตูน่ะสิ ฉันคงไม่มาเสียเวลาเพราะคุณหรอกนะ!”
“ใครพูดว่าฉันไม่เข้ามากันล่ะ”ดารามายถลึงตาใส่เธอ และได้ปล่อยปุ่มกด ก้าวเข้าไปในลิฟต์ด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ
มายมิ้นท์ได้ขยับไปด้านข้างก้าวหนึ่ง และได้อยู่ห่างจากดารามาย แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้เธอมากเกินไป
เมื่อดารามายเห็นมายมิ้นท์หลีกห่างจากตัวเองราวกับเห็นเป็นขยะเช่นนั้น ภายในใจรู้สึกโกรธอย่างมาก และกำลังจะพูดอะไร
ทันใดนั้นมายมิ้นท์ก็ได้หันศีรษะกลับมา“ดารามาย หลังจากเลิกงานในช่วงเย็นแล้วไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อยู่รอที่ออฟฟิศให้ดี ฉันจะพาคุณไปสถานที่ที่หนึ่ง”
“คุณจะพาฉันไปที่ไหน?”ดารามายจ้องมองไปที่เธอ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง
ดวงตาของมายมิ้นท์ประกายครู่หนึ่ง และไม่ได้ตอบกลับอะไร
ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มาถึงที่ชั้นบนสุด เธอได้ก้าวเท้าเดินออกไป
เมื่อดารามายเห็นเช่นนี้ ก็กระทืบเท้าของเธออย่างแรง และได้ตามออกไป“มายมิ้นท์คุณหยุดนะ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลย ว่าคุณจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่!”
“คุณไปถึงแล้วคุณก็จะรู้เอง”มายมิ้นท์ได้ตอบกลับโดยไม่ได้หันศีรษะกลับไปเลย
ดารามายยืนอยู่ด้านนอกลิฟต์ ยิ้มอย่างเย็นเยือกเล็กน้อย“อุบไว้ใช่ไหม ได้เลย ในเมื่อคุณไม่พูด แล้วมีสิทธิ์อะไรที่ฉันต้องฟังคุณแล้วอยู่รอที่ออฟฟิศดีๆ ด้วย ฉันบอกคุณนะ อย่าคิดเลยว่าคุณจะพาฉันออกไปได้”
มายมิ้นท์ได้หยุดก้าวเดิน และหันศีรษะกลับไปมองดูเธอ“ใช่หรือ ถ้างั้นก็ลองดูเมื่อถึงเวลานั้นแล้วคุณจะออกจากเทนเดอร์กรุ๊ปได้หรือเปล่า”
หลังจากที่พูดจบ มายมิ้นท์ก็ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น และได้เดินหน้าต่อไป
ดารามายตะโกนใส่เธอด้วยใบหน้าที่ดูแย่มากว่า:“คุณหมายความว่าอะไร?คุณจะกักขังฉันไว้หรือ?”
มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจอะไร และรีบผลักประตูออฟฟิศประธานของตัวเองเข้าไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ดารามายยืนอยู่ที่เดิม และกรีดร้องด้วยความโมโห
เสียงกรีดร้องของเธอดังเกินไป แม้แต่มายมิ้นท์ที่เดินเข้าออฟฟิศของตัวเองแล้ว ก็ยังคงได้ยินเสียงนั่น
มายมิ้นท์ได้นวดตรงขมับเล็กน้อย จากนั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นมา และได้โทรออกไป
“ประธานมายมิ้นท์……ไม่สิ ประธานใหญ่คะ”เสียงของเลขาซินดี้ดังออกมา
มายมิ้นท์ได้ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงไป“เรียกบอดี้การ์ดขึ้นมาสองคน แล้วจับดารามายลงไปให้ฉันด้วย รำคาญมากเลย”
ใบหน้าเลขาซินดี้เต็มไปด้วยความสงสัย“ประธานใหญ่คะ ดารามายเป็นอะไรหรือคะ?”
“เธอตะโกนกรีดร้องอยู่ด้านนอกออฟฟิศของฉันน่ะ”มายมิ้นท์เหลือบมองตรงประตูออฟฟิศตัวเองเล็กน้อยแล้วพูด
เลขาซินดี้พยักหน้าด้วยความเข้าใจ“ฉันเข้าใจแล้วค่ะประธานใหญ่ฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“อื้อ”มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย และได้วางสายโทรศัพท์ทันที
ในไม่ช้า เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาจากด้านนอกออฟฟิศของตัวเอง จากนั้นก็มีเสียงตะโกนตกใจของดารามายดังขึ้น“พวกคุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ฉันเป็นรองประธานของพวกคุณนะ พวกคุณกล้าดียังไงมาจับฉัน!”
แต่ไม่ว่าดารามายจะคัดค้านยังไง ตะโกนแค่ไหน ท้ายที่สุดก็ถูกบอดี้การ์ดที่เลขาซินดี้ส่งมานั้นบังคับเข้าไปในลิฟต์ แล้วได้พาจากไป
ภายในเวลาสั้นๆเพียงวันเดียว ดารามายก็ถูกพาไปดื้อๆเช่นนี้อยู่สองครั้ง ภายในใจคงจะเกลียดชังมายมิ้นท์มากแน่ๆ
แต่แม้ว่าจะเกลียดชังมายมิ้นท์มากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำอะไรมายมิ้นท์ได้อยู่ดี
ใครสั่งให้มายมิ้นท์เป็นประธานใหญ่ล่ะ
แต่ในขณะเดียวกัน นี่ก็จะยิ่งทำให้ดารามายมีความคิดที่แน่วแน่มากยิ่งขึ้นที่จะขับไล่มายมิ้นท์ออกจากตำแหน่งนั้น และให้ตัวเองเป็นประธานใหญ่เองเลย
ด้านนอกประตูนั้นในที่สุดก็เงียบลงสักที มายมิ้นท์จึงจะเปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มทำงานในวันใหม่
จนกระทั่งถึงตอนเย็น มีสายเรียกเข้าจากเปปเปอร์ เธอจึงจะปลดปล่อยออกมาจากความยุ่งเหยิงกับการทำงานนั้น
“ฮัลโหล?”มายมิ้นท์ได้เอนตัวพิงที่เก้าอี้ เอียงศีรษะเล็กน้อย ยกมือข้างหนึ่งขึ้น และวางบนหน้าผากของเธอแล้วกดเบา ๆ เพื่อบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะของเธอ
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ มายมิ้นท์ได้กัดริมฝีปากเล็กน้อย ท่ายที่สุดก็ได้ตอบตกลง“ในเมื่อคุณต้องการจะไป งั้นก็ไปเถอะ”
พวกเขานั้นจะคืนดีกันอยู่แล้ว หากว่าท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ไม่มีปัญหาใดๆ ก็จะเตรียมงานแต่งงานใหม่
เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เขาก็คือลูกเขยของคุณพ่อคุณแม่ของเธออีกครั้ง ดังนั้นเขาไปไหว้ในตอนนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ
“โอเค เดี๋ยวผมจะไปหาคุณนะครับ”เมื่อได้ยินมายมิ้นท์ตอบตกลงให้ตัวเองไปด้วยกันได้ เปปเปอร์ยิ้มด้วยความอารมณ์ดีเล็กน้อย
หลังจากนั้น ก็ได้วางสายโทรศัพท์
มายมิ้นท์ได้นำโทรศัพท์เก็บเข้าที่กระเป๋า จากนั้นก็ถือกระเป๋า และเดินออกจากออฟฟิศ
เลขาซินดี้รู้แต่แรกแล้วว่าต่อจากนั้นเธอต้องการจะทำอะไร เมื่อเห็นเธอเดินออกมา ก็รีบเดินเข้าไปหา“ประธานใหญ่”
“ดารามายยังคงอยู่ที่ออฟฟิศของเธอใช่ไหม?”มายมิ้นท์ตรงไปทางลิฟต์นั้น ถามขณะที่เดินไปอยู่
เลขาซินดี้ได้เดินตามหลังของเธอ“แน่นอนค่ะ บอดี้การ์ดยังคงเฝ้าไว้อยู่เลยค่ะ เธอออกมาไม่ได้เลย แต่ว่าเธอส่งเสียงดังในออฟฟิศตัวเองมานานแล้ว และเธอยังด่าคุณด้วยค่ะประธานใหญ่ซึ่งด่าได้ค่อนข้างหยาบคายเล็กน้อยค่ะ”
มายมิ้นท์เยาะเย้ยเล็กน้อย“ฉันเดาได้ตั้งนานแล้ว”
ดังนั้นเธอไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากว่าดารามายไม่ได้ด่าเธอ เธอกลับรู้สึกแปลกใจมากกว่า
“เอาเถอะ พวกเราขึ้นรถกันเลย คุณบอกให้บอดี้การ์ดส่งตัวดารามายไปที่ลานจอดรถเลย”มายมิ้นท์ออกคำสั่งขณะที่เข้าไปในลิฟต์
เลขาซินดี้ได้ตอบกลับ“ฉันเข้าใจแล้วค่ะประธานมายมิ้นท์”
พอพูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และได้กดส่งข้อความออกไป
ในไม่ช้า ก็ได้รับการตอบกลับ เลขาซินดี้จึงได้รายงานให้กับมายมิ้นท์ทราบว่า :“ประธานมายมิ้นท์คะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ในไม่ช้าพวกเขาก็จะพาคนลงมาค่ะ”
“อื้อ ถ้างั้นก็ดี”มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ดูจอแสดงผลของลิฟต์ และไม่ได้พูดอะไรอีก
เลขาซินดี้ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทันใดนั้นบรรยากาศในลิฟต์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...