รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 651

ร่างกายของชวนชมแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วตอบกลับไปอย่างขี้ขลาดว่า “ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ ฉัน……ฉันวู่วามไปชั่วขณะเอง ฉันก็แค่เห็นว่าพ่อมีสภาพที่เจ็บปวดทรมานมากเกินไป ก็เลยอดใจไว้ไม่อยู่ ดังนั้นจึงหัวร้อนไปชั่วขณะ เลยพูดแบบนั้นกับคุณมายมิ้นท์ไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ!”

“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เธอก็รู้อยู่แก่ใจดี และฉันก็รู้ดีว่าเธอไม่อยากให้เยี่ยมบุญตาย เธอคิดว่าถ้าเยี่ยมบุญตายไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ก็จะสูญสลายไปหมด เธอก็เลยอยากจะให้เยี่ยมบุญมีชีวิตอยู่ต่อมากที่สุด ด้วยเหตุนี้พอเธอเจอมายมิ้นท์ ก็เลยเลือกที่จะให้มายมิ้นท์มาช่วยชีวิตเยี่ยมบุญ” เปปเปอร์ทำมุมปากที่เย็นชาขึ้นมาครู่หนึ่ง และแฉความจอมปลอมของเธอออกมาอย่างไม่ไหว้หน้า

ชวนชมหดหัวลงเล็กน้อย และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่พอเห็นสายตาที่ไร้อารมณ์คู่นั้นของเปปเปอร์แล้ว ลำคอของเธอก็เหมือนกับว่าโดนบีบเอาไว้อีกครั้ง และเปล่งเสียงอะไรไม่ออกเลยสักนิด

เปปเปอร์ดึงผ้าเช็ดหน้าสูทออกมา จากในกระเป๋าตรงหน้าอก แล้วก็เช็ดทำความสะอาดมือที่เคยบีบคอเธอไปอย่างเชื่องช้า “เธอควรจะดีใจนะ ที่เธอไม่ได้บอกสถานะที่แท้จริงของมายมิ้นท์กับมายมิ้นท์ไปตรง ๆ ไม่งั้นฉันก็จะฆ่าเธอไปซะตั้งแต่ตอนนี้เลย”

แค่นึกถึงภาพที่มายมิ้นท์อาจจะบ้าคลั่งไปเพราะว่ารู้สถานะที่แท้จริงของตัวเองแล้ว หัวใจของเขาก็บิดตัวจนเจ็บจี๊ดขึ้นมาทีหนึ่งอัตโนมัติ และยอมรับไม่ได้จริง ๆ

ดีที่ผู้หญิงคนนี้โลภมากเกินไป และไม่อยากจะสูญเสียสถานะที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ไป ไม่งั้นเรื่องมันก็คงจะต้องยุ่งยากแล้ว

พอได้ยินคำว่า‘เอาเธอให้ตาย’สี่คำนี้ ตัวของชวนชมก็เย็นวาบไปทั้งตัว ในดวงตาก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างรุนแรง

นี่เขา เกิดความอยากสังหารเธอขึ้นมาจริง ๆ แล้วเหรอ

ส่วนเธอ แค่อีกนิดเดียวก็เกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ

เพราะว่าตอนนั้น เธอเกือบจะอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วจริง ๆ และเกือบจะพูดเรื่องสถานะที่แท้จริงของมายมิ้นท์ออกไปแล้ว

ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเกิดตอนนั้นเธอตั้งสติกลับมาไม่ทัน แล้วบอกเรื่องราวทั้งหมดออกไป งั้นตอนนี้ตัวเองก็คงจะ……ไปแล้วจริง ๆ

ชวนชมไม่กล้าที่จะคิดอีกต่อไป แล้วก็รีบโค้งคำนับซ้ำ ๆ และรับประกันขึ้นมาว่า “ฉันรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้วค่ะ ประธานเปปเปอร์ ฉันรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้วจริง ๆ ต่อไปนี้ฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ ไม่กล้าแล้วจริง ๆ ค่ะ”

เปปเปอร์ทิ้งผ้าเช็ดหน้าไป “จำคำพูดของเธอไว้ให้ดี ถ้าเธอยังคิดอะไรกับไตของมายมิ้นท์อีก ฉันก็จะเอาเธอให้ตายไปก่อนเลย คนอย่างเธอที่ปีนขึ้นมาจากชนชั้นต่ำ จะต้องรักชีวิตเป็นที่สุดอยู่แล้ว เธอน่าจะเข้าใจความหมายของฉันนะ?”

เพราะว่าจากที่ยากจนแล้วจู่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนเป็นร่ำรวยขึ้นมา ความคิดของเธอจึงได้เปลี่ยนไปสิ้นเชิงแล้ว

เธอได้เห็นความหรูหราอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน เพราะฉะนั้นเธอจึงอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่าใคร ๆ เพราะมีแต่การได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงจะสามารถดื่มด่ำกับทุกอย่างนี้ได้ แต่ถ้าตายไป ทุกอย่างก็จะหายไปหมดเลย

เพราะฉะนั้น สำหรับคนประเภทนี้แล้ว ความตาย ต่างหากถึงจะเป็นการข่มขู่ที่ดีที่สุด

และผลปรากฏว่า พอได้ยินว่าเปปเปอร์จะเอาตัวเองให้ถึงตาย ชวนชมก็รีบพยักหน้าขึ้นมาทันที อย่างกับกลัวว่าถ้าช้าไปแค่นิดเดียวตัวเองก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกยังไงอย่างงั้น “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว ฉันไม่กล้าแล้วจริง ๆ ค่ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่คิดอะไรกับคุณมายมิ้นท์อีกแล้วค่ะ”

เปปเปอร์เม้มเรียวปากบางขึ้นมา “ถึงแม้ว่าเธอจะรับประกันแบบนี้ แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อเธออยู่ดี ดังนั้นต่อไปนี้ ฉันจะให้คนมาเฝ้าจับตามองเธอไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าเกิดเธอมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอะไร……”

คำพูดหลังจากนั้น เปปเปอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทั้งคู่ต่างก็เข้าใจความหมายแล้ว

ชวนชมคิดไม่ถึงว่าเขาจะโหดเหี้ยมได้มากขนาดนี้ ถึงกับจะส่งคนมาเฝ้าดูตัวเองไว้เลย

พอเป็นแบบนี้ ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ แล้วนะซิ

ชวนชมหรี่เปลือกตาลง กลบประกายที่แวววาวในดวงตาไป แล้วก็ตอบอืมไปเบา ๆ คำหนึ่งราวกับเสียงยุงบิน “ค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะประธานเปปเปอร์”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไรอีก และหมุนตัวจากไป

ที่เขามาที่นี่ ก็แค่ต้องการเตือนเธอ แต่ไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างอื่นอีก

ถึงเขาจะอยากทำ ก็คงไม่อาจทำในโรงพยาบาลแบบนี้ได้ แต่ถ้าออกไปแล้ว ก็ยังสามารถให้เหมันตร์ไปให้การสั่งสอนกับผู้หญิงคนนี้อีกรอบหนึ่งได้

ยังดีนะที่เขาถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีทางตกหลุมรักใครได้ ไม่งั้นถ้าตัวเองเปลี่ยนไปมีท่าทางที่โง่เขลาอย่างเปปเปอร์นี้ เขาจะต้องเอาตัวเองให้ตายแน่

“ผลออกมาแล้ว” การันต์ครุ่นคิดไป แล้วก็พยักหน้าตอบกลับไปเล็กน้อย

สายตาของมายมิ้นท์ไปตกอยู่ที่ซองเอกสารที่อยู่ในมือเขา “งั้นผลตรวจเป็นยังไงบ้างคะ? กระดูกแขนของเขาต่อกันดีหรือยังคะ?”

การันต์หันมองไปทางเปปเปอร์ จากนั้นก็เอาซองเอกสารหนีบไว้ใต้รักแร้ แล้วก็เอามีดผ่าตัดที่ถือเล่นในเวลาปกติออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาว แล้วเฉือนไปที่ผ้าคล้องแขนที่อยู่บนคอเปปเปอร์ทีหนึ่งด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว

ทันในนั้น ผ้าคล้องแขนที่มัดอยู่บนคอเปปเปอร์ ที่คอยประคองแขนซ้ายอยู่ตลอดก็ขาดออกไปทันที แล้วแขนซ้ายของเปปเปอร์ก็ห้อยตกลงมา

พอเห็นเช่นนี้ มายมิ้นท์ก็ตกใจจนสะดุ้ง จากนั้นก็รีบร้อนประคองแขนซ้ายของเปปเปอร์เอาไว้ อย่างกับกลัวว่า เพราะแขนซ้ายของเขาตกลงมาอย่างแรง แล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา

“คุณหมอการันต์ นี่คุณ……”

มายมิ้นท์ยังไม่ทันได้พูดจบ แผ่นหลังก็โดนมือขวาของเปปเปอร์ตบขึ้นมาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ในเมื่อเขากล้าทำแบบนี้ได้ ก็หมายความว่า แขนของผมนั้นฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการประคองไว้ตลอดอีกแล้ว”

“จริงเหรอคะ?” ดวงตาของมายมิ้นท์เป็นประกายขึ้นมา แล้วมองไปที่การันต์ด้วยสายตาคาดหวัง

การันต์หมุนมีดผ่าตัดไปครู่หนึ่ง แล้วก็เอามีดผ่าตัดเข้ากระเป๋าไป แล้วถึงตอบกลับขึ้นว่า “เขาพูดถูก ไม่งั้นผมก็ทำแบบนี้ไม่ได้หรอก”

พูดแล้ว เขาก็เอาซองเอกสารออกมาแล้วยื่นไปให้ “ดูอันนี้หน่อยซิ นี่เป็นภาพCTสแกนแขนของเขา กระดูกแขนของเขาติดกันได้ไม่เลว ถึงแม้ว่าจะยังติดกันไม่ดีทั้งหมด แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องประคองเอาไว้อีกแล้ว และสามารถไปทำกายภาพบำบัดที่ง่าย ๆ ได้แล้ว โดยรวมแล้วก็คือ ขอแค่เวลาปกติอย่ายกของที่มันหนักมาก และอย่าออกกำลังที่รุนแรงเกินไป รวม ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

พอได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็ดีใจจนบนใบหน้านั้นยิ้มบานแฉ่งขึ้นมา “งั้นก็ดีมากเลยค่ะ เปปเปอร์ คุณได้ยินหรือยัง? ขอแค่อย่ายกของหนักเกินไป อย่าออกกำลังกายที่รุนแรงเกินไป แขนของคุณก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว