แถมยังอาจจะ โหดเหี้ยมกว่าฝีมือราเม็งอีกก็เป็นไปได้
“ผมรู้แล้วครับ” พอผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินเรื่องจุดจบขององอาจ ในใจก็พร่ำบ่นไปครู่หนึ่ง
ดูท่า พวกเขาอาจจะประเมินความโรคจิตของราเม็งต่ำเกินไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่ดูไปแล้ว ราเม็งก็เป็นวัยรุ่นที่อบอุ่นและสดใสคนหนึ่ง แต่ฝีมือในการแก้แค้นคนอื่นนั้น กลับโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้
แต่ว่านี่ก็เป็นเรื่องที่องอาจรนหาที่ตายเอง อยู่เฉย ๆ จะมาจับตัวคุณมายมิ้นท์ไปทำไมกัน?
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณมายมิ้นท์มีความสำคัญต่อราเม็งเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมาลงมือกันคุณมายมิ้นท์อีก
คราวนี้ดีเลย จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว สมน้ำหน้าเลย!
“อ๋อ ใช่แล้ว ทางเกรียงไกร สืบได้เรื่องยังไงบ้างแล้ว?” เปปเปอร์หรี่ตาลงแล้วถามเสียงเรียบขึ้น
ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นเล็กน้อย “ยังเป็นเหมือนเดิมครับ วัน ๆ ถ้าไม่ไปตกปลาก็เล่นหมากรุก เอาแต่อยู่ในคฤหาสน์ไม่ยอมออกมาครับ ซึ่งก็ไม่พบเห็นว่าเขามีพฤติกรรมแปลก ๆ อะไรครับ”
เปปเปอร์หรี่ตาไป แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
จากที่เขาเห็น ไม่มีพฤติกรรมแปลก ๆ น่ะซิ ถึงจะเป็นเรื่องแปลกที่สุด
เกรียงไกรเป็นรักแรกของแม่เขา ตอนที่ทั้งสองคนเป็นวัยรุ่นนั้นรักกันมาก
แถมเขายังตรวจสอบเจอว่า เกรียงไกรเคยมาที่ตระกูลนวบดินทร์ครั้งหนึ่ง แล้วก็เกิดการขัดแย้งกับพ่อของเขาขึ้นมารอบหนึ่งด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะสืบไม่เจอว่าตกลงมันเป็นการขัดแย้งเรื่องอะไรกัน แต่ว่าดูจากจุดที่สุดท้ายแล้วเกรียงไกรจากไปด้วยความอับอายและโกรธจัดนั้น การขัดแย้งกันในครั้งนี้จะต้องทำให้เกรียงไกรเกลียดพ่อเป็นอย่างมากแน่
ดังนั้น โอกาสที่เกรียงไกรจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขานั้น จึงสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เกรียงไกรเป็นประมุขของตระกูลคหบวร และเป็นประธานของโสรณากรุ๊ป แต่กลับไม่ไปนั่งประจำตำแหน่งที่บริษัท เอาแต่ตกปลาปลูกต้นไม้อยู่ในคฤหาสน์มาเป็นแรมปี นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย?
พอคิดได้แบบนี้ นิ้วมือของเปปเปอร์ก็เคาะโต๊ะทำงานไปเบา ๆ จนทำให้พื้นโต๊ะเกิดเสียงก๊อก ๆ ขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะ
“ส่งคนไปเฝ้าต่อไป ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด” เขาออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึมขึ้นมา
ถ้าเกิดว่าเกรียงไกรเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาจริง ๆ รวมทั้งทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมาด้วย
งั้นสักวันหนึ่ง เกรียงไกรก็ต้องมีพิรุธโผล่ออกมาแน่
“ครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนตัวตรง รับคำสั่งของเขาไป
อีกด้านหนึ่ง ที่เทนเดอร์กรุ๊ป
พอมายมิ้นท์วางโทรศัพท์ลงแล้ว ก็เรียกเลขาซินดี้เข้ามา
“ท่านประธาน มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ?” เลขาซินดี้ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของมายมิ้นท์ แล้วถามขึ้นมาอย่างเคารพนอบน้อม
เธอในตอนนี้ ได้ปรับอารมณ์ดีเรียบร้อยแล้ว และกลับสู่สภาพอารมณ์ในการทำงานยามปกติแล้ว และก็ทำให้มายมิ้นท์ลดความกังวลใจไปได้บ้าง
มายมิ้นท์ยิ้มแล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “เลขาซินดี้ ก่อนหน้านี้ที่คุณถักผ้าพันคอให้เต้นั้น ไปซื้อไหมที่ไหนเหรอ?”
พอเลขาซินดี้ได้ยินคำพูดของเธอ ก็ถามขึ้นมาอย่างตกใจว่า “ท่านประธานคะ คุณจะถักผ้าพันคอเหรอคะ?”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นมา “เปปเปอร์เห็นลูกน้องของเขาได้รับผ้าพันคอที่ภรรยามอบให้ ก็เลยจะให้ฉันถักให้เขาผืนหนึ่ง บอกว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากยอมแพ้ให้ลูกน้อย”
“พรืด” เลขาซินดี้อดไม่ได้ที่จะขำขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์นี่น่าสนุกจริง ๆ เปรียบเทียบเรื่องแบบนี้กับลูกน้องด้วย”
มายมิ้นท์ส่ายหน้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ใช่ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน คนอายุสามสิบเอ็ดแล้ว ยังมาปัญญาอ่อนขนาดนี้อีก ฉันเถียงเขาไม่ไหว ก็เลยต้องรับปากว่าจะถักให้เขา”
“ดีจังเลยค่ะ” เลขาซินดี้จ้องมองเธออย่างอิจฉา
ประธานเปปเปอร์เป็นคนให้ท่านประธานถักผ้าพันคอให้เขาเอง
ส่วนเธอนี่ซิเป็นฝ่ายถักให้ประธานลาเต้เอง แต่ประธานลาเต้กลับโยนทิ้งไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ความแตกต่างนี้นี่มัน ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินจริง ๆ
พอมายมิ้นท์มองเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของเลขาซินดี้ ก็รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป และเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดขึ้นมา“ขอโทษด้วยเลขาซินดี้ ฉันไม่ควรมาพูดเรื่องนี้กับคุณเลย”
พอกลับมาถึงคอนโดพราวฟ้า ก็เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว
มายมิ้นท์เข้าไปทำของกินง่าย ๆ ให้ตัวเองในครัวเล็กน้อย พอกินเสร็จแล้ว ก็มานั่งลงตรงโซฟา แล้วเริ่มจัดการกับไหมพรมขนแกะพวกนี้ขึ้นมา
เธอไม่ได้แตะต้องของพวกนี้มานานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่เริ่มทำนั้น มือจึงค่อนข้างงุ่มง่าม เริ่มถักหรือว่าอะไรก็ค่อนข้างช้า
แต่ว่าดีที่ตอนหลังก็ค่อย ๆ ค้นหาความรู้คุ้นเคยกลับมาได้ ความรวดเร็วจึงเริ่มเร็วขึ้นมา
การถักผ้าพันคอนั้นไม่ยาก เวลาที่ใช้ก็ไม่ต้องนานมากเท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าถักไปเรื่อย ๆ ตลอด เวลาหนึ่งคืนก็สามารถถักเสร็จได้แล้ว
แถมถ้าเกิดว่าถักเร็วนั้น ห้าหกชั่วโมงก็สามารถจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนมายมิ้นท์ก็ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเต็ม ๆ เลย ถักไปเรื่อย ๆ จนตอนที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมานั้น ผ้าพันคอผู้ชายที่สวยงามเส้นหนึ่ง ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
เธอสะบัดผ้าพันคอออกดูเล็กน้อย พอมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ก็ใส่ไว้ในถุงใบหนึ่ง เตรียมจะเก็บเอาไว้ รอให้ถึงวันเกิดเปปเปอร์ค่อยมอบให้เขา
แล้วในตอนที่มายมิ้นท์เก็บผ้าพันคอไปแล้วนั้น อยู่ ๆ ข้างนอกก็เกิดพายุฝนขึ้นมา และลมก็แรงมากด้วย
ลมหนาวที่กระโชกพัดเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่ และหนาวจนมายมิ้นท์ตัวสั่นขึ้นมา
เธอรีบเดินไป แล้วปิดหน้าต่างบานใหญ่ไป พอเพิ่งจะโล่งอกไปได้ อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
มายมิ้นท์เดินมาที่หน้าโซฟา แล้วโน้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะรับแขกขึ้นมา แล้วก็เห็นสายโทรเข้าที่แสดงชื่ออยู่ ท่าทีก็นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง แล้วก็รีบกดรับสายขึ้นมา
สายเรียกเข้านั้น ท่านย่าเป็นคนโทรเข้ามา พอโทรติดแล้ว ท่านย่าก็รีบถามขึ้นมาว่า “มิ้นท์ เธออยู่บ้านเปปเปอร์หรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ” มายมิ้นท์ส่ายหน้าขึ้นมา
แล้วท่านย่าก็ถามขึ้นมาอีกว่า “งั้นเธอรู้หรือเปล่าว่าเปปเปอร์อยู่ที่ไหน? เมื่อกี้ฉันถามพิศมัยแล้ว พิศมัยบอกว่าเปปเปอร์ไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ แล้วฉันก็ติดต่อเปปเปอร์ไม่ได้ เบอร์โทรศัพท์ของผู้ช่วยเขาตอนนี้ก็โทรไม่ติดอีก เพราะฉะนั้นฉันจึงได้แต่ต้องมาถามเธอ”
พอได้ยินเสียงที่ร้อนใจไม่หยุดของท่านย่า หัวใจของมายมิ้นท์ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาด้วย แต่เธอก็ยังสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครู่หนึ่ง และก็พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ และเปิดปากพูดปลอบโยนขึ้นว่า “ท่านย่าอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลยนะคะ หนูพอจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนค่ะ เขาอยู่ที่ตึกทรีพ็อตค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์ ใบหน้าที่ร้อนใจของท่านย่าก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมาเสี้ยวหนึ่ง แล้วตบหน้าอกเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “อ๋อเหรอ งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว งั้นมิ้นท์ เธอรีบไปดูนะ ไปดูว่าตอนนี้เปปเปอร์เป็นยังไงบ้างแล้ว? ถ้าเกิดว่าเขามีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองขึ้นมา เธอก็ต้องรีบช่วยเขานะ แต่ถ้าเกิดว่ายังไม่มี เธอก็จะต้องรีบห้ามปรามเขาไว้นะ เขาจะไม่มีทางให้พวกเราเข้าใกล้เขาในวันนี้ แต่ว่าเธออาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้ ดังนั้นตอนนี้ย่าก็ได้แต่เชื่อใจเธอ ฝากเธอด้วยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...