รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 687

เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า เปปเปอร์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตน

เขารู้ดีว่าเขาอายุมากกว่ามายมิ้นท์หลายปี

แต่ว่าก็ไม่คงถึงขนาดวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอก!

มายมิ้นท์จะคิดว่าการที่เขาแก่กว่าเธอหลายปีเป็นการกินหญ้าอ่อนหรือเปล่า?

เมื่อเห็นใบหน้าอันเต็มไปด้วยความสงสัยของหลานชายคนโตที่จู่ๆ ทำสีหน้าไม่มั่นใจขึ้นมา ท่านย่าก็รู้สึกขบขันแล้วพูดขึ้นว่า “เปปเปอร์ ทำไมหลานถึงตลกแบบนี้นะ?”

เปปเปอร์ทำสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านย่าครับ เมื่อสักครู่ล้อผมเล่นหรือ?”

“ถ้าไม่ทำแบบนี้หลานก็คงยังจมอยู่ในความเศร้าโศกเรื่องที่ย่าจะไปหาปูน่ะสิ” ท่านย่าตบลงไปที่หลังมือของเขาเบาๆ “วางใจเถอะ แม้ว่าย่าจะมีเวลาอีกเพียงแค่สองปีและควรที่จะไปพบกับปู่ได้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปตอนนี้เสียเลยที่ไหน อย่างน้อยก็ต้องรอเห็นงานแต่งของเรากับมายมิ้นท์เสียก่อน รอให้มีลูกมีเต้าแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย เวลาสองปีน่าจะพออยู่หรอกใช่ไหม?”

ริมฝีปากของเปปเปอร์เผยอขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนเขาต้องการจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่เมื่อมองเห็นดวงตาอันเต็มไปด้วยความหวังของท่านย่า ในที่สุดก็ตัดสินใจกลืนคำที่จะเอ่ยออกมานั้นลงไปแล้วตอบรับว่า “เพียงพอครับ ท่านย่าวางใจเถอะ ผมกับมายมิ้นท์จะพยายามอย่างเต็มที่”

เดิมทีเขาต้องการจะบอกว่า ภายในสองปีนี้มายมิ้นท์เป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งครรภ์ ด้วยเหตุนี้เองถ้าท่านย่าอยากจะเห็นหลานภายในสองปีก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่ท้ายที่สุดเมื่อเขาขึ้นคิดดูแล้ว เรื่องนี้จะบอกออกไปไม่ได้ ควรจะให้ความหวังแก่ท่านอย่าดีกว่า

เมื่อมีความหวังนี้ ท่านย่าจึงอยากจะใช้ชีวิตให้ยืนยาวกว่านี้

บางทีหลังจากนี้สองปี หากว่าท่านย่ายังไม่เห็นลูกของเขากับมายมิ้นท์ก็อาจจะมีกำลังใจอยากจะมีชีวิตอยู่จนกระทั่งได้เห็นหลานก็เป็นไปได้นี่

ท่านย่าไม่รู้ว่าเปปเปอร์วางแผนว่าอย่างไร เมื่อเห็นเปปเปอร์ตอบปากรับคำดังนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว อ้อจริงสิ กำไรนั่นนำไปให้มายมิ้นท์แล้วหรือยัง?”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้า “เธอน่าจะได้รับแล้ว แต่คงไม่รู้ว่าทำไมพวกเราถึงต้องให้กำไรนั้นกับเธอ”

แต่สิ่งที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ มายมิ้นท์ยังไม่ได้โทรมาถามเขา

ท่านย่ายิ้มขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก หลานบอกว่าตอนบ่ายเธอจะมาไม่ใช่หรือ รอเธอมาแล้วพวกเราค่อยบอกก็ยังไม่สาย”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าสอบรับ

สองย่าหลานสนทนากันต่อ บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นเป็นพิเศษ

แต่ใครบางคนโมโหเสียจนแทบจะบ้าตาย

คนเหล่านี้ก็คือ ลาเต้ ทามทอยและดารามาย

ลาเต้และทามทอยโมโหเสียจนแทบคลั่งเนื่องจากได้รับซองอั่งเปาและลูกอมจากคนที่เปปเปอร์ส่งมา

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ จะไม่เข้าใจถึงความหมายที่เปปเปอร์ส่งคนให้นำสิ่งเหล่านี้มามอบให้ได้ยังไง

เปปเปอร์ตั้งใจที่จะส่งมาโอ้อวดและหัวเราะเยาะเย้ยพวกเขาน่ะสิ

พวกเขายอมวางมือแล้ว แต่เปปเปอร์ยังทำแบบนี้กับพวกเขาอีก เห็นได้ชัดว่าความคิดในใจของเปปเปอร์ผู้ชายคนนี้โหดเหี้ยมเพียงใด

แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกันแล้วกลับท่าทางอันโมโหขุ่นเคืองของลาเต้และทามทอย ดูเหมือนดารามายจะโมโหมากกว่าเสียแทบตาย

เธอเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล กลับได้เห็นข่าวที่เปปเปอร์และมายมิ้นท์คืนดีกันอย่างเป็นทางการ

มีใครจะโชคร้ายไปมากกว่าเธออีกไหม?

เธอถึงกับสงสัยว่ามายมิ้นท์รู้ว่าตัวเธอมีความคิดอื่นกับเปปเปอร์ ดังนั้นจึงได้จัดการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า รอให้วันที่เธอออกจากโรงพยาบาล และติดสินบนสื่อและข่าวต่างๆ เผยแพร่เรื่องนี้ออกมาทำให้เธอรู้สึกโมโหหรืออย่างไร?

เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่ามายมิ้นท์จะทำมันไม่ได้สักหน่อย

ดังนั้นมายมิ้นท์น่าจะตั้งใจแน่นอน

เมื่อคิดดังนั้น ดารามายก็โมโหเสียจนใช้มือกวาดซองอั่งเปาแดงและขนมที่อยู่บนโต๊ะกระจัดกระจายไปบนพื้น เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเหยียบอั่งเปากับลูกอมเหล่านั้น พลางกรีดร้องราวกับคนบ้า

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดดารามายก็สงบลง เธอพยุงตัวกับโต๊ะ หายใจออกมาด้วยหน้าตาบิดเบี้ยว

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเธอ คืนดีแล้วยังไงล่ะ แต่ได้ก็หย่าได้เหมือนกัน!

จากที่เธอมองดูแล้ว การที่มายมิ้นท์กับเปปเปอร์คืนดีกันคาดว่าคงจะไปด้วยกันได้ไม่นานเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยหย่าร้างกันมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นเป็นเพราะว่าไม่มีความรู้สึกต่อกัน

ตอนนี้ที่พวกเขากลับมาคืนดีกันใหม่ ต่อให้มีความรักต่อกันแต่ความรักนั้นจะลึกซึ้งสักเพียงใด

อีกอย่างเท่าที่เธอรู้มา โดยมากคนที่กลับมาคืนดีกันก็มักจะแยกจากกันอีกครั้งหนึ่ง

เนื่องจากว่าครั้งแรกยังไม่อาจผ่านไปได้ แล้วครั้งที่สองจะราบรื่นได้อย่างไร?

อีกด้านหนึ่ง ดารามายเดินทางมาถึงห้องทำงานของมายมิ้นท์ เธอยกมือขึ้นแล้วขอไปที่ประตูอย่างแรง

มายมิ้นท์กำลังเซ็นเอกสารอยู่ในขณะนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของการเคาะประตูอันรุนแรงดังขึ้น ทำให้เธอโมโหเสียจนสะดุ้ง ส่งผลให้ปากกาขีดข่วนเป็นรอยยาวบนเอกสารนั้น

เมื่อมองเห็นรอยขีดนี้ สีหน้าของมายมิ้นท์ก็มืดมนลงทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโมโห

“ใครเคาะประตู?” มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากสีแดงเรื่อขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ที่จริงแล้วเธอค่อนข้างมีมารยาทกับการเรียกว่าเคาะ มันควรจะเรียกว่าทุบมากกว่า

น้ำเสียงนี้ไม่ต่างอะไรกับโจรที่จะพังประตูเข้ามาเลย

“ฉันเอง!” คนที่อยู่ข้างนอกประตูเมื่อได้ยินเสียงของมายมิ้นท์เอ่ยถาม ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง มายมิ้นท์หรี่ตาลง ใบหน้าของเธอเผยถึงรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา

นั่นสิน่ะ คงจะมีแต่ดารามายเท่านั้นแหละที่ทำเรื่องแบบนี้ได้

ต่อให้เป็นเตชิตก็ยังไม่ทำเรื่องโง่เง่าทุบประตูแบบนี้

เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลก็ทำเรื่องพวกนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเธออยากจะเข้าโรงพยาบาลอีกรอบอย่างงั้นสินะ?

มายมิ้นท์วางปากกาในมือลงแล้วปิดเอกสารที่ถูกขีดเป็นรอยยาวนำไปวางไว้ข้างๆ ตั้งใจว่าอีกประเดี๋ยวจะให้เลขาซินดี้พิมพ์ออกมาให้ใหม่อีกครั้ง

โชคดีเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่เอกสารสำคัญอะไร และไม่มีตราประทับของบริษัทอื่นที่ไม่อาจพิมพ์ซ้ำได้

ไม่อย่างนั้น ดารามายคงจะได้เห็นดีกันแน่

“มีเรื่องอะไร?” มายมิ้นท์ขยับข้อมือที่ค่อนข้างจะเหนื่อยล้าแล้วเอ่ยถามขึ้น ไม่ได้ตั้งใจจะให้ดารามายเข้ามาข้างใน

ดารามายที่ยืนอยู่ข้างนอกฟังออกถึงความหมายของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

แต่ในไม่ช้าเธอก็ยิ้มขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งผยองแล้วผลักประตูห้องทำงานของมายมิ้นท์เดินตรงไปข้างใน

เมื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าของมายมิ้นท์ก็ดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นกว่าเดิม “ใครสั่งให้เขามา ไสหัวออกไป!”

เธอชี้ไปที่ประตู

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว