พอกอดไปแล้ว เธอก็ลืมตาขึ้นมา และไม่ลืมที่จะพูดเตือนชายหนุ่มขึ้นว่า“เปปเปอร์ ฉันขอเตือนคุณนะ คุณอย่าทำไปเรื่อยนะ รีบอุ้มฉันลงไป แล้วแยกออกจากฉันซะ เผื่อว่าเดี๋ยวคนข้างนอกเข้ามา จะได้ไม่ต้องมาเห็นพวกเรากอดอยู่ด้วยกัน แบบนั้นมันน่าอายจะตายไป”
“วางใจเถอะ พวกเขาไม่มีทางเห็นหรอก” เรียวปากของเปปเปอร์คลี่ยิ้มออก น้ำเสียงฟังดูเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก
มายมิ้นท์จ้องมองเขา “ทำไมละคะ?”
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบอะไร มือข้างหนึ่งประคองสะโพกของเธอขึ้นมา แล้วอุ้มเธอขึ้นมาจากโต๊ะประชุม
สะโพกของเธออ่อนนุ่มมาก รู้สึกอิ่มเอิบเป็นอย่างมาก จับไปแล้วมือก็รู้สึกดีมาก
เปปเปอร์อดไม่ได้ที่จะกำมือเข้ามาบีบไปทีหนึ่ง
มายมิ้นท์ถลึงตาโตขึ้นมา “เปปเปอร์คุณ……”
“ชู่ว์!” มืออีกข้างของเปปเปอร์ตั้งขึ้นมาที่ข้างปาก ทำท่าอย่าส่งเสียงขึ้นมาให้เธออันหนึ่ง
แล้วเรียวปากแดงของมายมิ้นท์ก็เม้มเข้าด้านในอัตโนมัติ และไม่พูดอะไรอีกเลย
จากนั้น เปปเปอร์ก็ใช้มือที่ว่างอยู่อีกข้างหนึ่ง เลิกผ้าคลุมโต๊ะประชุมด้านล่างเปิดออก จากนั้นอยู่ภายใต้ดวงตาที่ตกตะลึงของมายมิ้นท์ เขาก็อุ้มเธอมุดเข้าข้างใน
พอเข้าไปแล้ว เปปเปอร์ก็ปล่อยตัวมายมิ้นท์ออก
มายมิ้นท์ชี้ไปที่เขาด้วยท่าทางตกตะลึงมาก “เปปเปอร์นี่คุณถึงกับ……”
เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออกมาทั้งประโยค
นี่เขาถึงกับพาเธอมุดเข้ามาในใต้โต๊ะเลยเหรอ!
การกระทำนี้ มันร่านจนหาที่สุดไม่ได้จริง ๆ!
ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึง ว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
นี่ยังใช่เปปเปอร์อยู่หรือเปล่า?
นี่มันช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้วนะ โอเคไหม?
แน่นอนว่าเปปเปอร์นั้นรู้ว่าการกระทำของตัวเอง จะต้องทำให้หญิงสาวเกิดความตกตะลึงเป็นอย่างมากแน่
เขายิ้มกับเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือไป จัดผ้าที่เพิ่งเปิดออกเมื่อกี้เล็กน้อย และจัดผ้าปูให้เหมือนกับว่าไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อน
ผ้าปูนั้นยาวมาก และแตะถึงพื้นพอดี พอวางลงมาและปิดเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถบดบังทุกอย่างในใต้โต๊ะประชุมไปได้หมดพอดี
ถ้าเกิดไม่ได้มีคนมาตั้งใจเปิดผ้าออกละก็ ก็จะไม่มีทางพบว่าใต้ผ้าปูนั้น ยังมีคนแอบซ่อนอยู่สองคน
พื้นที่ใต้โต๊ะประชุมนั้นกว้างขวางมาก นอกจากจะลุกขึ้นยืนไม่ได้แล้ว จะนั่งยอง ๆ หรือจะนั่งลงกับพื้นก็มีที่เหลือเฟือ
ตอนนี้มายมิ้นท์กำลังนั่งอยู่บนพื้น ยังดีที่ด้านล่างมีพรหมปูพื้นอยู่ด้วย ดังนั้นก้นจึงไม่เย็น
เธอจ้องมองเปปเปอร์จัดผ้าไป พอลดมือลงมาแล้ว ก็รีบยื่นมือไป แล้วหยิกแก้มทั้งซ้ายและขวาของเปปเปอร์เอาไว้ และดึงออกไปด้านข้างเล็กน้อย “พูดมา ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ กล้ามาปลอมตัวเป็นเปปเปอร์เลยเหรอ คอยดูนะฉันจะกระชากหน้ากากของคุณออกมาให้ได้!”
พูดแล้ว มือก็เริ่มออกแรงหยิกเลย
เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็กุมมือเธอเอาไว้ แล้วเอามือออกจากใบหน้า เหลือทิ้งไว้แต่รอยแดงที่ไม่เป็นระเบียบอยู่บนใบหน้าสองอัน ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความรู้สึกแปลก ๆ มากขึ้นมาหนึ่งเสี้ยว
แต่ว่าเปปเปอร์กลับไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาดีดหน้าผากมายมิ้นท์ไปหนึ่งที แล้วชิดเข้าไปใกล้และพูดขึ้นว่า “พูดจาไร้สาระอะไร อะไรปลอบตัวมาเป็นผมกัน ใครจะไปกล้าปลอมตัวมาเป็นผม? ใครจะไปมีความสามารถมาปลอมตัวเป็นผมกัน?”
พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว คางของเขาก็เชิดขึ้นมา น้ำเสียงก็ภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย
มันก็ใช่อยู่ ในเมื่อใบหน้าของเขานี้ สถานะแบบนี้ ส่วนสูงและรูปร่างแบบนี้ คนที่จะสามารถปลอมตัวมาเป็นได้นั้น ไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ามายมิ้นท์นั้นรู้ว่าเขาคือเปปเปอร์ตัวจริงอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนปลอมตัวมาเป็นได้เด็ดขาด ในเมื่อนี่มันไม่ใช่โลกเหนือธรรมชาติสักหน่อย
ที่เธอพูดว่าปลอมตัวเมื่อกี้ ก็เป็นเพราะว่าการกระทำที่เขาพาเธอมุดเข้ามาอยู่ในใต้โต๊ะนั้น ช่างเกินความคาดหมายเกินไป และช่างไม่เข้ากับนิสัยของเขาเลย ดังนั้นถึงได้พูดคำพูดที่ดูตกตะลึงออกมา
“ฉันรู้ว่าไม่มีใครปลอบตัวเป็นคุณมา ฉันก็แค่……เฮ้อ นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ทำไมคุณต้องพาฉันมาด้านล่างนี้ด้วยคะ?” มายมิ้นท์ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
เปปเปอร์จ้องมองเธอ ดวงตาดูมีเสน่ห์ “เพราะว่าอยู่ด้านล่างนี้ พวกเรามาต่อเรื่องเมื่อกี้กันได้ และก็จะไม่โดนคนอื่นพบเห็นด้วย”
มายมิ้นท์อ้าปากกว้างขึ้นมา “คุณ คุณ คุณ……ดังนั้นเป้าหมายของคุณคือ แค่อยากจะ……”
เปปเปอร์หัวเราะเสียงต่ำขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นร่างกายก็โน้มตัวมาทางเธอ
พอเขาชิดเข้ามาใกล้ แน่นอนว่ามายมิ้นท์ก็ต้องเอียงตัวไปด้านหลัง
แต่ว่าตอนนี้ความจริงยืนยันแล้วว่า เธอคิดผิดไปแล้ว เขาเรียกได้ และที่สำคัญยังเรียกได้อย่างไม่มีแรงกดดัน และดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีความเขินอายของการเรียกคำแบบนี้เลยสักนิด เขาดูเป็นธรรมชาติ จนเหมือนกับว่าเคยเรียกเธอแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
พูดตามตรง การโดนเขาเรียกว่าที่รัก ทำให้เธอขนลุกซู่ขึ้นมาเลย
ในเมื่อเธอเป็นคนที่อายุยี่สิบหกเจ็ดแล้ว คนที่อายุเยอะขนาดนี้ ยังมาโดนเรียกว่าที่รัก ยังไงมันก็รู้สึกเขินอายและอึดอัดอยู่บ้าง
แต่ในขณะเดียวกัน เบื้องหลังความเขินอายนั้น ก็ยังแอบมีความสุขและความรู้สึกชื่นชอบอยู่บ้าง
ซึ่งก็คือว่า ที่จริงเธอก็ชอบให้เปปเปอร์เรียกเธอแบบนี้เหมือนกัน
อู้ว์……เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายคนหนึ่ง
มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะปิดหน้าเอาไว้ และเปล่งเสียงครางที่เขินอายออกมาคำหนึ่ง
พนักงานที่กำลังทำความสะอาดห้องประชุมอยู่นั้นเหมือนจะได้ยินเสียงขึ้นมา ผ้าเช็ดทำความสะอาดที่อยู่ในมือหยุดการเคลื่อนไหวลง แล้วหันหน้าไปถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างขึ้นว่า “นี่มิลลี่ เธอได้ยินอะไรหรือเปล่า?”
“อะไรเหรอ?”
“มีคน!”
มายมิ้นท์ที่ได้ยินสองคำนี้ ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อไปทันที ตรงไรผมก็มีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา
จบแล้ว จบแล้ว โดนจับได้แล้ว
คราวนี้ขาดหน้าอย่างใหญ่หลวงแล้ว
พรุ่งนี้ในบริษัทจะต้องถกเถียงกันขึ้น ว่าประธานใหญ่อย่างเธอต้องการหาความตื่นเต้น ถึงกับมุดเข้าไปในใต้โต๊ะเลย
พอนึกถึงว่าวันพรุ่งนี้ในบริษัทจะต้องมีข่าวลือเต็มไปหมด มายมิ้นท์ก็จ้องมองไปใต้โต๊ะ ทั้งหน้าก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เปปเปอร์ที่ทับอยู่บนตัวเธอกลับไม่ได้ร้อนรนเลยสักนิด ราวกับว่าไม่ได้กลัวโดนจับได้เลยยังไงอย่างงั้น แล้วก็หัวเราะเสียงเบาขึ้นทีหนึ่ง
พอเขาหัวเราะขึ้นมา ก็ทำให้มายมิ้นท์รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทันที พอสุดท้ายโกรธจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยเอียงหัวไปที่ข้อมือที่ยันอยู่ข้างศีรษะทั้งสองข้างของเธอแล้วกัดไปคำหนึ่ง
เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บจนเกินไปแล้วเปล่งเสียงออกมา เธอก็เลยไม่ได้กัดแรงมากนัก พอกัดไปทีหนึ่งก็คลายออกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...