“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด” ฝ่ายหญิงพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ช่วยเหมันตร์หันหน้าไป ไม่มองเธออีก ใจจดจ่ออยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน รอคอยให้เปปเปอร์ออกมาจากด้านใน
ส่วนตำรวจจราจรนำคำให้การออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว ต้องไปจัดการรถที่เกิดอุบัติเหตุในที่เกิดเหตุ
รอให้จัดการเสร็จเรียบร้อย หลังจากคนเจ็บฟื้นแล้ว เขาถึงจะเข้ามาอีกครั้ง เพื่อสอบถามผู้เสียหายว่าได้มีการปรึกษาวิธีแก้ปัญหาออกมาหรือเปล่า
ถ้าไม่มี เขาจะส่งผู้ที่ต้องรับภาระชดใช้ค่าเสียหายหลักไปที่สถานีตำรวจ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
“อ้อ คุณคะ” ตอนนี้ จู่ๆฝ่ายหญิงก็ควบคุมรถเข็นมาถึงด้านหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์จึงเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชามองไปที่เธอ “คุณมีอะไร?”
“ฉันอยากถามคุณสักคำถามน่ะค่ะ” แววตาของฝ่ายหญิงเปล่งประกายเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “เมื่อกี้คนที่คุณโทรไปหาตอนอยู่บนรถ เป็นแฟนของคุณผู้ชายคนนี้เหรอคะ?”
เธอมองไปที่ห้องฉุกเฉิน
ผู้ช่วยเหมันตร์จึงขมวดคิ้วแน่น จนขึ้นเป็นสามขีด “คุณจะถามเรื่องนี้ทำไม?”
ฝ่ายหญิงหลบตาลง ยิ้มเคอะเขิน “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ”
“เฮอะ” ผู้ช่วยเหมันตร์หัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่เกรงใจสักนิด “แทนที่คุณจะอยากรู้เรื่องนี้ สู้คุณเอาเวลาไปคิดๆดูดีกว่าว่าการทำให้เจ้านายผมบาดเจ็บ จะมีจุดจบยังไง!”
พูดจบ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็มองไปทางประตูห้องฉุกเฉิน ไม่สนใจผู้หญิงคนนี้อีก
มือของฝ่ายหญิงที่วางอยู่บนที่พักแขนของรถเข็น จึงค่อยๆกำแน่นขึ้นมา สีหน้าที่ดูประหม่า ก็ค่อยๆสลายหายไป แล้วแทนที่ด้วย ใบหน้าที่เย็นชาบึ้งตึง สายตาที่กำลังจดจ้องผู้ช่วยเหมันตร์ ราวกับเคลือบพิษเอาไว้
แต่ในทันที ฝ่ายหญิงก็เก็บสีหน้าและความรู้สึกพวกนี้เอาไว้ เหมือนกับทุกๆอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ก้มหน้าลง ไม่ส่งเสียงออกมาอีก
ทางเดินในตอนนี้จึงเงียบสงัด บรรยากาศตึงเครียดสุดๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินเสียงประตูเปิด จึงรีบยืนขึ้น เดินไปที่ประตูห้องฉุกเฉินทันที
ฝ่ายหญิงก็เคลื่อนรถเข็นตามเข้าไป
การันต์ออกมาจากด้านใน เดินไปด้วย ถอดหน้ากากไปด้วย
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นแล้ว จึงรีบขวางเขาเอาไว้ เตรียมจะถามสถานการณ์ของเปปเปอร์
แต่ผลที่ได้คือไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ผู้หญิงข้างๆเขาก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน “คุณหมอคะ คุณผู้ชายข้างในคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ขมวดคิ้วขึ้นมา มองฝ่ายหญิงด้วยสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำของเธอ
แต่สุดท้ายแล้วคำถามที่พวกเขาอยากถามก็เหมือนกัน เขาจึงอดกลั้นความโมโหเอาไว้
การันต์ก้มหน้ามองไปทางคนที่ส่งเสียงออกมา ดวงตาที่อยู่หลังแว่นตาขอบทองเป็นประกายเล็กน้อย “คุณเป็นใคร?” เขาถามขึ้น
ฝ่ายหญิงก้มหน้าลง ตอบกลับไปอย่างลำบากใจ: “ฉัน......ฉันเป็นคนที่ทำให้คุณผู้ชายด้านในได้รับบาดเจ็บค่ะ”
ได้ฟัง การันต์จึงหน้าตาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ที่แท้ก็คุณนี่เองที่ทำให้เปปเปอร์เกิดเรื่อง”
“คือฉัน......” ฝ่ายหญิงก้มหน้าต่ำลงไปอีก
แผ่นหลังของฝ่ายหญิงแข็งทื่อ นี่ถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้ตนเองลนลานเกินไปโดยไม่รู้ตัว รีบหลบตาลง ปกปิดความประหม่าในดวงตาเอาไว้ แล้วฝืนยิ้มออกมา พยายามยิ้มตอบกลับไป: “คุณหมอพูดเล่นแล้วนะคะ ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่ไม่ชอบโดนคนพูดว่าทำศัลยกรรมในที่สาธารณะเท่านั้นค่ะ ในใจจึงไม่ค่อยชอบคนๆนั้นที่พูดออกมาสักเท่าไหร่”
“อย่างนี้เอง” การันต์เชิดๆคาง เหมือนกับเชื่อคำพูดของเธอ ครั้นแล้วสายตาก็ตกไปอยู่บนขาของเธอ “คุณไม่เพียงแต่ทำหน้านะ ยังผ่าตัดเพิ่มความสูงซะด้วย ตอนนี้ขาของคุณยังอยู่ในช่วงพักฟื้น จึงเดินไม่ได้ทำได้แค่นั่งรถเข็นเท่านั้น คุณนี่ทั้งทำศัลยกรรม ทั้งเพิ่มความสูง ผมก็ดูออกนะว่า บนใบหน้าของคุณทำไปเยอะใช้ได้เลย เหลากระดูกไปไม่น้อย ขาก็เพิ่มความสูงขึ้นยาวถึงหนึ่งข้อ ช่วงน่องจะไม่สมดุลกัน นี่หมายความว่า อีกครึ่งชีวิตของคุณจะไม่สามารถวิ่งไม่สามารถกระโดดได้ แม้แต่อารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าก็แสดงออกมามากๆไม่ได้ เป็นได้แค่ตุ๊กตาเซรามิคตัวหนึ่งเท่านั้น คุณนี่ใจร้ายกับตนเองมากจริงๆนะ”
พูดถึงตรงนี้ การันต์ยิ่งรู้สึกสนใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า “พูดตามความจริง ผมเคยเจอคนที่ทำศัลยกรรมมาไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิงคนแก่วัยรุ่นก็มีทั้งนั้น แต่คนที่ศัลยกรรมจัดเต็มเหมือนคุณ จนทำให้หมอที่คุ้นเคยกับโครงสร้างกระดูกมนุษย์อย่างผม มองเค้าหน้าเดิมของคุณไม่ออกเลย ผมเพิ่งได้เจอสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก คุณทำให้ผมเกิดความอยากรู้ตัวตนเดิมของคุณสุดๆ ผมอยากรู้มากๆ ว่าเพราอะไรคุณถึงได้เปลี่ยนโฉมหน้าของตนเองไปอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้?”
ได้ฟังคำพูดของการันต์ ผู้ช่วยเหมันตร์จึงมองฝ่ายหญิงแตกต่างไปจากเดิม ในใจเห็นด้วยเลยว่า ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายกับตนเองจริงๆ
ถึงเขาจะเข้าใจการศัลยกรรมแค่ผิวเผิน แต่สำหรับเรื่องผ่าตัดเพิ่มความสูงกลับค่อนข้างเข้าใจ
เพราะเขามีเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่ง ที่ขาไม่สมประกอบมาตั้งแต่เกิด ข้างหนึ่งยาวข้างหนึ่งสั้น เพื่อให้ขาข้างที่สั้นข้างนั้นยาวเท่าขาข้างที่ยาว จึงต้องทำการผ่าตัดเพิ่มความสูง โดยการตัดกระดูกน่อง แล้ววางกระดูกปลอมหรือท่อเหล็กที่ใช้ในทางการแพทย์ไว้ตรงกลาง เพื่อเพิ่มความยาวขา
สรุปสั้นๆก็คือ การผ่าตัดนี้เจ็บปวดมาก คนทั่วไปไม่มีทางทำหรอก
แต่ผู้หญิงคนนี้กล้าทำ จะไม่ใจร้ายต่อตนเองได้ยังไงล่ะ
เห็นการันต์ไม่เพียงแต่มองออกว่าตนเองศัลยกรรม ยังมองออกอีกว่าตนเองเพิ่มความยาวขาด้วย ฝ่ายหญิงจึงมึนงงไปเลย แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา
ขอบเขตการมองเห็นของคนๆนี้คือดวงตาที่สามารถมองทะลุได้งั้นเหรอ?
ไม่นึกว่าแค่มองด้วยตาเปล่าก็จะดูออกแล้ว นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้เธอโมโหสุดๆด้วย
มองออกแล้วก็มองไปสิ ทำไมต้องพูดออกมาด้วย ถ้าพวกเขาสงสัย......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...