ถ้าวันนั้นเธอผลักเขาออก ถึงประธานลาเต้จะไม่ชอบเธอ แต่อย่างน้อยก็คงไม่เกลียดเธอเข้าไส้หรอก
แต่ความเสียใจก็สายไปเสียแล้ว เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว
และเธอก็ตั้งครรภ์แล้วด้วย
เลขาซินดี้กำหมัดแน่น เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ตามหลักแล้ว นับจากวันที่มั่นใจว่าตั้งครรภ์ เธอก็ควรเอาลูกในท้องออก ตัดเรื่องคืนนั้นให้ขาดเสีย
เพราะประธานลาเต้ไม่มีทางยอมให้เธอคลอดลูกคนนี้ออกมาหรอก และยิ่งไม่มีทางยอมรับลูกด้วย
ทว่าเธอยังตัดใจจากประธานลาเต้ไม่ได้ และไม่อยากทำแท้งด้วย
สติบอกเธอว่าควรเอาลูกออก ไม่งั้นพอลูกลืมตาดูโลกก็ไม่มีพ่อคอยให้ความรัก มันไม่ยุติธรรมกับลูก และเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวต่อประธานลาเต้ด้วย เพราะเขายังไม่ทันแต่งงานก็มีลูกเสียแล้ว
แต่ความรู้สึกบอกเธอว่าอย่าเอาออก
ตอนนี้อายุครรภ์สองเดือนกว่าแล้ว เธอยังไม่มีความคิดที่จะทำแท้งเลย
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เธอก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
“เลขาซินดี้คะ?” มายมิ้นท์โบกมือตรงหน้าเลขาซินดี้
เลขาซินดี้กะพริบตาปริบ ๆ ดึงสติกลับมา ก่อนจะถามด้วยริมฝีปากสั่นเทา“เป็นอะไรเหรอคะประธาน?”
“น่าจะเป็นฉันต่างหากที่ถามคุณว่าเป็นอะไร ฉันเห็นคุณเหม่อลอย หน้าก็ซีดด้วย เป็นเพราะฉันเมื่อกี้......”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ” เลขาซินดี้รีบโบกมือ“ท่านประธานค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณหรอกค่ะ เพราะฉันมีความในใจ จึงกังวลใจเล็กน้อยค่ะ เอ่อ......ประธานค่ะ ฉันขอลางานสักพักหนึ่งได้ไหมคะ?”
มายมิ้นท์มองเธอ“ลางานเหรอ?”
“อืม” เลขาซินดี้หลุบตาลง“มีเรื่องสำคัญค่ะ ฉันอยากพักผ่อน เพื่อจะได้ทำใจให้สงบ จากนั้นก็ตัดสินว่าควรจัดการอย่างไรดีค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ บอกฉันได้ไหม?” มายมิ้นท์ถาม
เลขาซินดี้เม้มปาก ไม่ได้ตอบ
มายมิ้นท์เห็นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“โอเคค่ะ ถ้าคุณไม่อยากบอก ฉันก็ไม่บังคับหรอกค่ะ ฉันอนุมัติให้คุณลาพักนะคะ คุณพักผ่อนดี ๆ นะคะ คุณเคลียร์เสร็จแล้วค่อยมาทำงานก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะท่านประธาน” เลขาซินดี้โล่งอก จากนั้นก็โค้งคำนับ ก่อนจะกล่าวคำอำลา
มายมิ้นท์มองแผ่นหลังเธอ“เลขาซินดี้ค่ะ เรื่องเมื่อกี้......”
เลขาซินดี้หยุดเดิน จากนั้นก็หมุนกายกลับมา ก่อนจะส่งยิ้มให้มายมิ้นท์ “ท่านประธานค่ะ ฉันไม่ได้เก็บเรื่องเมื่อกี้มาใส่ใจเลยค่ะ คุณไม่ต้องกังวลใจหรอกนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ” มายมิ้นท์ขยิบมุมปาก
แม้จะทำไปเพราะหวังดี แต่ความหวังดีกลับกลายเป็นเรื่องแย่ ๆ ทำให้เลขาซินดี้เสียใจ
เธอจึงควรขอโทษกับการกระทำของตนอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่งั้นเธอก็จะไม่สบายใจ
เลขาซินดี้รับรู้ถึงความรู้สึกผิดของมายมิ้นท์ ยิ้มพยักหน้าว่า“ก็ได้ค่ะ ฉันรับการขอโทษของท่านประธานนะคะ ดังนั้นท่านประธานอย่าโทษตัวเองอีกนะคะ”
“อืม” มายมิ้นท์ขานรับ
เลขาซินดี้โบกมือแล้วยกเท้าเดินออกไปด้านนอก ไม่นานก็เดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวแล้วหายลับไป
มายมิ้นท์พิงเก้าอี้พร้อมกับนวดระหว่างคิ้ว และถอนหายใจ
ดูเหมือนวันหน้าจะจับคู่คนอื่นไปเรื่อยไปไม่ได้แล้ว
หากเป็นเหมือนครั้งนี้อีก ไม่เพียงแต่จับคู่ไม่สำเร็จ แถมยังทำให้อีกฝ่ายกระทบกระเทือนจิตใจ เธอก็จะมีความผิดเต็มตัว
มายมิ้นท์ไม่คิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป เธอวางมือบนโต๊ะ นั่งตัวตรง ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
ตอนเย็นใกล้เลิกงาน เธอก็ได้รับข้อความจากคุณนายราศรี
คุณนายราศีนัดเธอกับเปปเปอร์ไปกินข้าวที่บ้านตระกูลรัตติพีระในอีกสามวันข้างหน้า ทั้งยังเน้นย้ำเป็นพิเศษว่าต้องพาเปปเปอร์มาด้วย
เหมือนจะเป็นอย่างที่ลาเต้ว่า คุณป้าอยากคุยกับเปปเปอร์จริง ๆ
“ท่านประธานค่ะ” ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
มายมิ้นท์เงยหน้ามองไปยังประตู และเห็นเป็นผู้ช่วยของเลขาซินดี้
เธอจะไปเยี่ยมพ่อที่สุสาน จากนั้นก็บอกเรื่องดารามายจะต้องขึ้นศาลพรุ่งนี้ให้ทราบ
ไม่ว่าอย่าไงร ดารามายก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณพ่อ ไม่มีใครปฏิเสธได้ และตัดขาดไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้นคุณพ่อจึงมีสิทธิ์และสมควรรู้เรื่องนี้
และเธอยังอยากขอโทษผู้เป็นพ่อด้วย
แม้ความจริงแล้วดารามายจะเป็นฝ่ายหาเรื่องเธอก่อน ทว่าเธอส่งดารามายเข้าคุกก็เป็นเรื่องจริง
ดารามายเป็นลูกสายในไส้ของคุณพ่อ ส่วนเธอเป็นลูกเลี้ยง ถึงคุณพ่อจะรักลูกเลี้ยงอย่างเธอ แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจของพ่อก็ยังรักลูกสาวในไส้อย่างดารามายด้วย
เธอเข้าลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อเข้าคุก ย่อมต้องขอโทษคุณพ่อเป็นเรื่องธรรมดา
มายมิ้นท์ขับรถมาถึงสุสานอย่างราบรื่น ซึ่งฟ้ายังไม่ได้มืด เธอได้ซื้อดอกไม้สดเข้าไปหนึ่งช่อ
เธอเข้าไปถึงก็อยู่สองชั่วโมงเต็ม ๆ
ตอนออกมาก็ใกล้ถึงสามทุ่มแล้ว
ดวงตามายมิ้นท์แดงก่ำเล็กน้อย
เธอมาถึงที่รถก็เงยหน้ามองฟ้า แล้วใช้มือเช็ดน้ำตาที่หางตา จากนั้นก็เปิดประตูรถ เตรียมตัวกลับไป
เมื่อมาถึงใจกลางเมืองก็สี่ทุ่มแล้ว
มายมิ้นท์ยังไม่ได้กินข้าวเย็น เวลานี้ท้องจึงร้องจ๊อก ๆ สิ่งที่ซวยที่สุดคือ รถติดอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะกลับถึงคอนโดพราวฟ้าเมื่อไหร่
พอเธอกลับไปถึงเปปเปอร์คงถึงก่อนแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น มายมิ้นท์ก็ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยรถ จากนั้นก็หยิบมือถือด้านข้างมาดู
มือถือโล่งมาก ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายหรือข้อความแจ้งเตือนแต่อย่างใด
แสดงว่าเปปเปอร์ยังยุ่งกับงานไม่เสร็จ
เวลานี้ยังยุ่งไม่เสร็จ มายมิ้นท์ก็รู้สึกกังวลใจกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...