รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 857

“รู้ว่าคือใครแล้วเหรอ?” เปปเปอร์ถามขึ้นมา

มายมิ้นท์มองสบตากับเขา และพยักหน้าเล็กน้อย “ค่ะ จะต้องเป็นเธอแน่ ๆ”

“ใครเหรอ?” เปปเปอร์ถามขึ้นอีกครั้ง

มายมิ้นท์กำมือไว้แน่น “พัดชา!”

“เธอเหรอ?” ในดวงตาเปปเปอร์มีแววแปลกใจพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะ ว่าคนที่เธอสงสัย จะเป็นผู้หญิงคนนั้นไปได้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเธอ แต่ว่าประวัติของผู้หญิงคนนั้น เขาเคยตรวจสอบมาก่อนแล้ว ก็เป็นแค่เด็กกำพร้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เด็กกำพร้าคนหนึ่ง แต่กลับกล้ามาแตะต้องประธานบริษัทคนหนึ่ง และที่สำคัญก็ยังเป็นคนที่เขาเปปเปอร์ใส่ใจอีกด้วย

ผู้หญิงคนนั้น จะมีความกล้าแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?

ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าถ้าโดนเขาสืบเจอตัวขึ้นมา จะต้องเจอกับจุดจบยังไงบ้าง?

“จะต้องใช่เธอแน่ ๆ!” ในดวงตามายมิ้นท์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ที่จริงวันนี้ ฉันเจอกับเธอในร้านชายชุดออกงานด้วย และที่สำคัญ เธอก็ถูกใจชุดของฉัน แล้วยังอยากมาแย่ง และบอกให้ฉันยกให้เธอ แต่ว่าฉันไม่ยกให้ เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะนึกโกรธอยู่ในใจ แล้วให้คนมาขโมยชุดฉัน ทำให้ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของ เพราะว่าตอนที่อยู่ในร้านชายชุดออกงานนั้น เธอก็ได้พูดไว้แล้วว่าของที่เธอไม่ได้ก็จะต้องทำให้ฉันไม่ได้ด้วยเหมือนกัน และที่สำคัญก็ยังได้ทำการเคลื่อนไหวออกมาจริง ๆ แล้วด้วย แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป เพราะฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่หลังจากฉันออกมาจากร้านแล้ว เธอจะเป็นคนวางแผนให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”

“อะไรนะ?” สีหน้าของเปปเปอร์ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที มือทั้งคู่จับอยู่ที่หัวไหล่เธอ และวิเคราะห์ไปรอบหนึ่ง “คุณโดนคนรังแกในร้านชายชุดออกงานมา ทำไมตอนนั้นถึงไม่บอกผม?”

ตอนที่เธออยู่ในร้านชายชุดออกงานนั้น เขาทั้งโทรศัพท์หาเธอ ทั้งส่งข้อความไปให้เธอ

แต่เธอ แม้แต่เรื่องที่ตัวเองโดนรังแกก็ยังไม่ยอมเอ่ยถึงสักนิด

เรื่องนี้ทำให้เปปเปอร์รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่อย่างเห็นได้ชัดเจนเลย

มายมิ้นท์จ้องมองสีหน้าที่ไม่ค่อยดีชายหนุ่ม ก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มกำลังไม่พอใจเรื่องอะไรอยู่ และมองไปชายหนุ่มและส่งยิ้มที่สบายใจไปให้ชายหนุ่มทีหนึ่ง “ฉันไม่ได้ไม่อยากบอกคุณ แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว เธอก็เป็นแค่ตัวละครเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น และฉันก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับเธอได้ แล้วอีกอย่างถึงจะพูดว่าเธอรังแกฉัน แต่ฉันกลับไม่ได้ถูกรังแกเลย ในทางกลับกันสุดท้ายฉันกลับเป็นคนรังแกเธอมากกว่า เพราะว่าฉันไม่ได้รู้สึกลำบากใจ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้บอกคุณ ถ้าเกิดว่าฉันบอกคุณแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่เอาไหนมากจริง ๆ ใช่ไหมคะ? และที่สำคัญคุณงานยุ่งซะขนาดนั้น ฉันไม่อยากไปกวนใจคุณเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เข้าใจไหมคะ?”

เปปเปอร์หรี่ตาลงไม่ยอมพูดอะไร

เขาเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

มายมิ้นท์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วจับมือเขาขึ้นมา วางลงบนหน้าตัวเอง

จากนั้นตัวเองก็ค่อย ๆ ถูฝ่ามือเขาไปเบา ๆ

เรียวปากบางของเขาคลี่ยิ้มออกมา และกระแอมไปขึ้นมาคำหนึ่ง “เข้าใจแล้ว”

ก็ได้ ที่แท้ก็ต้องให้ออดอ้อน ให้โอ๋นี่เอง

พอมายมิ้นท์เห็นเป็นแบบนี้ ก็ส่ายหน้าขึ้นมาอย่างขำขัน

พอตำรวจที่อยู่ด้านหลังเห็นการกระทำของทั้งสองคน ก็มองตาขาวขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย

นี่ นี่ นี่ ตอนนี้กำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่นะ พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?

แน่นอนว่า ถึงตำรวจจะพร่ำบ่น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เปิดปากรบกวนทั้งสองคนอยู่ดี

ดีที่ว่าทั้งสองคนต่างก็รู้จักพอประมาณ และรู้ว่าตอนนี้เรื่องตรงหน้าสำคัญกว่า ด้วยเหตุนี้พอคลอเคลียกันไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็กลับสู่สภาพปกติแล้ว

พอมายมิ้นท์เอามือของชายหนุ่มวางลงแล้ว ก็พูดต่อขึ้นว่า “ตอนที่อยู่ในร้านชายชุดออกงาน พัดชารังแกฉันไม่สำเร็จ แต่กลับโดนฉันรังแกกลับไป เธอจะต้องโกรธเกลียดฉันแน่ ๆ ด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้ จะต้องเป็นฝีมือเธอแน่ ๆ เพราะว่าใช้ชุดออกงานมาระบายความแค้นและแก้แค้นฉัน และที่สำคัญพอคำนึงถึงเรื่องชุดแล้ว คนที่มีความแค้นกับฉัน ก็มีแค่เธอคนเดียวแล้ว”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกคุณรู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?” ความเย็นยะเยือกกะพริบขึ้นมาในตาเปปเปอร์ แล้วมองไปที่ตำรวจ

ตำรวจพยักหน้าขึ้น “คุณมายมิ้นท์สามารถให้เบาะแสกับเราได้ นี่เป็นประโยชน์ต่อเราเป็นอย่างมากเลยครับ พวกเราจะรีบส่งคนไปเรียกตัวคุณพัดชาคนนั้นมา ท่านทั้งสองกรุณารอสักครู่นะครับ”

“ไม่ต้องรอหรอก พาพวกเราไปเจดคนที่ขโมยของคนนั้นหน่อย” เปปเปอร์พูดขึ้น

มายมิ้นท์รีบแสดงความเห็นด้วยขึ้นมา “ใช่ ฉันอยากเห็นคนคนนั้นหน่อย ฉันจะไปยืนยันสักหน่อยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเขาคือคนที่ฉันคิดไว้หรือเปล่า”

จ้องมองทั้งสองคน ตำรวจก็พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “ได้ครับ แต่ว่าคนคนนั้นปากแข็งมาก บางทีพวกคุณก็คงจะสอบถามไม่ได้ผลอะไรนะครับ”

นี่เป็นผลมาจากแสงไฟแรงสูง

แสงไปแบบนี้พอส่องมาที่ตัวคน ตอนแรก ก็จะทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น แต่จากระยะเวลาที่โดนส่องไปนาน ๆ เข้า ยิ่งอยู่แรงกดดันในใจก็จะยิ่งมีมากขึ้น สภาพจิตใจ ก็จะยิ่งอยู่ยิ่งเคร่งเครียด จนสุดท้ายก็จะเกิดอาการบ้าคลั่ง

แล้วในเวลาแบบนี้ เมื่อถามอะไรไปก็มักจะตอบตรง ๆ ออกมาทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น แสงไฟแรงสูง เป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องมีตอนที่สถานีตำรวจสอบสวนนักโทษเลย

คนคนนี้ในตอนนี้ ก็โดนแสงไฟแรงสูงส่องคนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

พอมายมิ้นท์เห็นแบบนี้ ก็รีบถามชื่อคนคนนี้ขึ้นมา รวมทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังด้วย

แต่ว่าคนคนนั้นก็ยังเป็นเหมือนกับที่ตำรวจพูดมา เป็นคนปากแข็งมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะทรมานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังกัดฟันไม่ยอมพูด

ในใจของมายมิ้นท์รู้สึกโกรธและกลุ้มใจเป็นอย่างมาก

พูดตามตรง คนที่ปากแข็งแบบนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกนับถือจริง ๆ แต่ว่าสิ่งที่มีมากกว่า ก็ยังคือความเบื่อหน่าย

เพราะว่าปากแข็งเกินไป ไม่ยอมพูดอะไร จะไม่ทำให้คนเบื่อหน่ายเหรอ?

พอเห็นมายมิ้นท์มีสีหน้าที่ย่ำแย่ สายตาเย็นชาของเปปเปอร์ก็ไปตกอยู่ที่คนคนนั้น จากนั้นก็ตบไหล่มายมิ้นท์ไปเบา ๆ “อย่าใจร้อนไปเลย มอบให้เป็นหน้าที่ผม ผมจะทำให้เขาตอบออกมาตามตรงเอง”

มายมิ้นท์นึกถึงคำพูดที่เขาพูดไว้นอกห้องสอบสวน แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย “ได้ค่ะ มองให้เป็นหน้าที่คุณเลย”

เปปเปอร์ยิ้มให้เธอทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า เดินไปถึงข้าง ๆ คนคนนั้น แล้วยื่นมือออกไป แล้วยื่นไปตรงจุดหลังคอของคนคนนั้น

ต่อจากนั้น มายมิ้นท์ก็เห็นภาพที่ทำให้เธอต้องตกตะลึงขึ้นมา คนคนนั้นราวกับว่าโดนไฟฟ้าช็อต อยู่ ๆ ร่างกายก็สั่นเทาอย่างแรงขึ้นมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ที่ปากก็ร้องตะโกนเสียงดังไม่หยุด “หยุดนะ เจ็บจังเลย คุณหยุดเดี๋ยวนี้……”

“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?” มายมิ้นท์ชี้ไปที่คนคนที่เจ็บปวดเจียนตายคนนั้น แล้วมองไปที่เปปเปอร์อย่างตกตะลึง “คุณใช้วิธีอะไรคะ ถึงได้ทำให้เขาเจ็บปวดขนาดนี้?”

เปปเปอร์ยิ้มให้กับเธอทีหนึ่ง “เรียนมาจากลูกน้องบอดี้การ์ดผมคนหนึ่ง คุณก็รู้ บริษัทตระกูลนวบดินทร์นั้นใหญ่เกินไป หนอนบ่อนไส้กับสายลับก็มีอยู่ไม่น้อย พอจับตัวคนพวกนี้ได้แล้ว ผมก็ต้องให้คนไปสอบสวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วในนั้นก็มีคนที่ปากแข็งอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ยอมพูดอะไรเลย การปฏิบัติกับคนแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเอาวิธีพิเศษมาใช้ และการทำให้พวกเขาเจ็บปวด ก็คือวิธีพิเศษที่ดีที่สุด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว