“อวยพร ฉันไปเชิญเขามาตั้งแต่เมื่อไร? ฉันไม่อยากเจอเขา บอกให้เขากลับไป” สีหน้าของนายหญิงใหญ่สีดูเคร่งขรึมขึ้นมาชั่วขณะ “ไล่ไม่ไป เรียกจิ่วเฉินมาจัดการเถอะ!”
พูดจบ นายหญิงใหญ่สีก็ตัดสายโทรศัพท์ไป ถอนหายใจเล็กน้อย “มีบางเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้”
“นายหญิงใหญ่ นายท่านรองยังไม่ถอดใจอีกเหรอคะ!”
“หึ! ถึงจะยังไม่ถอดใจแต่ยังไงตระกูลสีกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” นายหญิงใหญ่สีพูดจบ ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาทันที หันไปพูดกับเด็กน้อยแสนน่ารักตรงหน้า “เฉินเฉิน ไม่ได้ทำให้หนูตกใจใช่ไหม! คุณย่าทวดได้รับสายโทรศัพท์จากคนที่ย่าทวดไม่ชอบ เลยพูดเสียงเข้มนิดหน่อย”
“รีบไปหยิบผลไม้ที่เด็กน้อยชอบกินมาเถอะ!” นายหญิงใหญ่หันไปสั่งกับพี่เลี้ยงเสร็จ และก็หันไปพูดกับถังจือซย่าต่อ “จือซย่า นั่งเถอะ มาคุยเล่นด้วยกันหน่อย”
ถังจือซย่านั่งลง นายหญิงใหญ่สีพูดกับเธอทำราวกับเธอไม่ใช่คนนอก “หลานรู้หรือไม่ว่าคนเมื่อกี้ที่ย่าบอกว่าไม่ชอบคือใคร?”
“หนูไม่ค่อยรู้เรื่องภายในของตระกูลสีเท่าไร” ถังจือซย่าส่ายหัวเล็กน้อย ในใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่สีจิ่วเฉินโกรธก็อาจเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ด้วยหรือเปล่านะ?
“เขาชื่อสีรุ่ยหมิง เป็นลูกนอกสมรสของสามีย่าที่ไปแอบมีเมื่อตอนสมัยยังวัยรุ่น ถือว่าเป็นอาของจิ่วเฉิน ในปีนั้นเขาแอบเอาหุ้นของบริษัทไปขาย โดนย่าจับได้เข้า ลูกชายกับลูกสะใภ้ของย่าเลยบินไปต่างประเทศเพื่อไปจัดการสะสาง เป็นตอนนั้นเองที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของย่าต้องมาประสบกับอุบัติเหตุครั้งนั้นเสียชีวิตไปทั้งคู่” นายหญิงใหญ่เล่าเรื่องอดีตอันน่าเศร้าด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง สำหรับเธอแล้ว ถึงแม้จะผ่านมาแล้วยี่สิบกว่าปีแต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้
ในใจของถังจือซย่าตกตะลึง นี่คือสาเหตุผลที่สีจิ่วเฉินสูญเสียคนที่ใกล้ชิดที่สุดไปทั้งคู่ตั้งแต่ตอนยังเด็กใช่หรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้นสายเข้าของวันนี้เมื่อตอนเช้า ต้องเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่โกรธขนาดนั้น
“จิ่วเฉินเกลียดเขามาก ถึงแม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสี แต่ว่าถูกพวกเราตระกูลสีขับไล่ออกนอกประเทศไปยี่สิบกว่าปีแล้ว วันนี้เขาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ย่ากำลังมีความสุขกลับมาทำดีด้วย หึ! ชั่วชีวิตนี้ย่าไม่อยากเจอเขาอีก” นายหญิงใหญ่สีพูดจบ ดวงตามีความเคียดแค้นแวบขึ้นมา
“คุณย่าสีอย่าได้โมโหไป จิ่วเฉินน่าจะขัดขวางเขาไว้ได้” ถังจือซย่าพูดปลอบโยนขึ้นมาหนึ่งประโยค
ในใจของถังจือซย่าก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ ทำได้เพียงเม้มริมฝีปาก พยายามรักษาท่าท่างยิ้มไว้ตลอด
“เฉินเฉินกับจิ่วเฉินหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เป็นบุเพสันนิวาสจริงๆ เธอรู้อะไรไหม? เฉินเฉินหน้าตาเหมือนกับจิ่วเฉินเมื่อตอนยังเป็นเด็กทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อกี้ย่ายังคิดว่าได้ย้อนเวลากลับไปเสียอีก ย้อนกลับไปเมื่อสมัยจิ่วเฉินตอนยังเป็นเด็ก” นายหญิงใหญ่สีพูดอย่างปลงใจ
เรื่องที่ลูกชายหน้าเหมือนกับสีจิ่วเฉินนั่น ถังจือซย่าเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน แต่ว่าพ่อที่แท้จริงของลูกชายเป็นเพียงโฮสต์หนุ่มที่ขายบริการเท่านั้น
“จือซย่า ลองพิจารณาจิ่วเฉินหน่อยเถอะ! ย่ารับรองกับเธอว่า หลานชายของฉันเป็นคนดีมากจริงๆ นอกจากจะเคยทำผิดต่อซ่งซานเรื่องนั้น เขาก็ไม่มีข้อบกพร่องอย่างอื่นอีกแล้ว” นายหญิงใหญ่สีพูดออกมาอย่างจริงใจราวกับหลานชายของเธอจะไม่มีหญิงสาวคนไหนต้องการ
ในใจของถังจือซย่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อต้องมาเจอเผชิญกับคำพูดที่นายหญิงใหญ่สีพูดมา ในใจเธอเกิดความกดดันขึ้นมา เธอไม่ชอบการถูกบังคับให้อยู่กับใคร ต่อให้สีจิ่วเฉินจะเป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวนับหมื่นนับพันคนใฝ่ฝันถวิลหาก็ตาม เธอหวังว่าจะใช้วิธีของตัวเองในการทำความรู้จักกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...