รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 279

“อวยพร ฉันไปเชิญเขามาตั้งแต่เมื่อไร? ฉันไม่อยากเจอเขา บอกให้เขากลับไป” สีหน้าของนายหญิงใหญ่สีดูเคร่งขรึมขึ้นมาชั่วขณะ “ไล่ไม่ไป เรียกจิ่วเฉินมาจัดการเถอะ!”

พูดจบ นายหญิงใหญ่สีก็ตัดสายโทรศัพท์ไป ถอนหายใจเล็กน้อย “มีบางเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้” 

“นายหญิงใหญ่ นายท่านรองยังไม่ถอดใจอีกเหรอคะ!” 

“หึ! ถึงจะยังไม่ถอดใจแต่ยังไงตระกูลสีกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” นายหญิงใหญ่สีพูดจบ ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาทันที หันไปพูดกับเด็กน้อยแสนน่ารักตรงหน้า “เฉินเฉิน ไม่ได้ทำให้หนูตกใจใช่ไหม! คุณย่าทวดได้รับสายโทรศัพท์จากคนที่ย่าทวดไม่ชอบ เลยพูดเสียงเข้มนิดหน่อย”

“รีบไปหยิบผลไม้ที่เด็กน้อยชอบกินมาเถอะ!” นายหญิงใหญ่หันไปสั่งกับพี่เลี้ยงเสร็จ และก็หันไปพูดกับถังจือซย่าต่อ “จือซย่า นั่งเถอะ มาคุยเล่นด้วยกันหน่อย” 

ถังจือซย่านั่งลง นายหญิงใหญ่สีพูดกับเธอทำราวกับเธอไม่ใช่คนนอก “หลานรู้หรือไม่ว่าคนเมื่อกี้ที่ย่าบอกว่าไม่ชอบคือใคร?” 

“หนูไม่ค่อยรู้เรื่องภายในของตระกูลสีเท่าไร” ถังจือซย่าส่ายหัวเล็กน้อย ในใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่สีจิ่วเฉินโกรธก็อาจเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ด้วยหรือเปล่านะ? 

“เขาชื่อสีรุ่ยหมิง เป็นลูกนอกสมรสของสามีย่าที่ไปแอบมีเมื่อตอนสมัยยังวัยรุ่น ถือว่าเป็นอาของจิ่วเฉิน ในปีนั้นเขาแอบเอาหุ้นของบริษัทไปขาย โดนย่าจับได้เข้า ลูกชายกับลูกสะใภ้ของย่าเลยบินไปต่างประเทศเพื่อไปจัดการสะสาง เป็นตอนนั้นเองที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของย่าต้องมาประสบกับอุบัติเหตุครั้งนั้นเสียชีวิตไปทั้งคู่” นายหญิงใหญ่เล่าเรื่องอดีตอันน่าเศร้าด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง สำหรับเธอแล้ว ถึงแม้จะผ่านมาแล้วยี่สิบกว่าปีแต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้

ในใจของถังจือซย่าตกตะลึง นี่คือสาเหตุผลที่สีจิ่วเฉินสูญเสียคนที่ใกล้ชิดที่สุดไปทั้งคู่ตั้งแต่ตอนยังเด็กใช่หรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้นสายเข้าของวันนี้เมื่อตอนเช้า ต้องเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่โกรธขนาดนั้น

“จิ่วเฉินเกลียดเขามาก ถึงแม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสี แต่ว่าถูกพวกเราตระกูลสีขับไล่ออกนอกประเทศไปยี่สิบกว่าปีแล้ว วันนี้เขาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ย่ากำลังมีความสุขกลับมาทำดีด้วย หึ! ชั่วชีวิตนี้ย่าไม่อยากเจอเขาอีก” นายหญิงใหญ่สีพูดจบ ดวงตามีความเคียดแค้นแวบขึ้นมา

“คุณย่าสีอย่าได้โมโหไป จิ่วเฉินน่าจะขัดขวางเขาไว้ได้” ถังจือซย่าพูดปลอบโยนขึ้นมาหนึ่งประโยค

ในใจของถังจือซย่าก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ ทำได้เพียงเม้มริมฝีปาก พยายามรักษาท่าท่างยิ้มไว้ตลอด 

“เฉินเฉินกับจิ่วเฉินหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เป็นบุเพสันนิวาสจริงๆ เธอรู้อะไรไหม? เฉินเฉินหน้าตาเหมือนกับจิ่วเฉินเมื่อตอนยังเป็นเด็กทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อกี้ย่ายังคิดว่าได้ย้อนเวลากลับไปเสียอีก ย้อนกลับไปเมื่อสมัยจิ่วเฉินตอนยังเป็นเด็ก” นายหญิงใหญ่สีพูดอย่างปลงใจ

เรื่องที่ลูกชายหน้าเหมือนกับสีจิ่วเฉินนั่น ถังจือซย่าเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน แต่ว่าพ่อที่แท้จริงของลูกชายเป็นเพียงโฮสต์หนุ่มที่ขายบริการเท่านั้น 

“จือซย่า ลองพิจารณาจิ่วเฉินหน่อยเถอะ! ย่ารับรองกับเธอว่า หลานชายของฉันเป็นคนดีมากจริงๆ นอกจากจะเคยทำผิดต่อซ่งซานเรื่องนั้น เขาก็ไม่มีข้อบกพร่องอย่างอื่นอีกแล้ว” นายหญิงใหญ่สีพูดออกมาอย่างจริงใจราวกับหลานชายของเธอจะไม่มีหญิงสาวคนไหนต้องการ

ในใจของถังจือซย่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อต้องมาเจอเผชิญกับคำพูดที่นายหญิงใหญ่สีพูดมา ในใจเธอเกิดความกดดันขึ้นมา เธอไม่ชอบการถูกบังคับให้อยู่กับใคร ต่อให้สีจิ่วเฉินจะเป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวนับหมื่นนับพันคนใฝ่ฝันถวิลหาก็ตาม เธอหวังว่าจะใช้วิธีของตัวเองในการทำความรู้จักกับเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว