มีคนลงมาจากเฮริคอปเตอร์ทั้งหมดสี่คน หนึ่งคนในนั้นเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นในชุดสีดำและกางเกงขายาวสีดำ ยืนสง่าอยู่ตรงนั้นออร่าเหมือนดังกระบี่ที่คมกริบเล่มหนึ่งทิ่มแทงทะลุฟ้าและดินได้ บรรยากาศน่ากลัวและดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
มือของเขาถือไอแพคอยู่ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งอย่างแม่นยำ “ทางนั้น ไปหาคนทางด้านนั้น”
จากนั้น เขาก็ก้าวเท้ายาวๆของเขาเหยียบลงไปบนพื้นหญ้า พงหญ้าที่เขียวชอุ่มถูกเขาเหยียบจนส่งเสียงสวบสวบ แรงขาของเขาลงน้ำหนักอย่างหนักแน่น มีออร่าของที่แข็งแกรงอย่างที่ผู้นำทหารพึงมี
“ท่านครับ ทางด้านนี้มีคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา” ลูกน้องของเขาส่งเสียรายงานขึ้นมา
“จัดการซะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นต่อ
ลูกน้องทั้งสามคนของเขารีบเดินไปยังทิศทางตรงข้ามทันที
ในที่สุดชายหนุ่มท่านนี้ก็เดินมาถึงใต้ต้นไม่ใหญ่เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
สีจิ่วเฉินที่เอาหลังพิงกับต้นไม้อยู่ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นจากการพักผ่อน เขาตอบขึ้นมาหนึ่งประโยคอย่างติดตลก “ยังไม่ตาย!”
ชายหนุ่มคนนี้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็นั่งยอง ๆ ลง ใช้แสงไฟจากไอแพทสองสำรวจบนร่างกายของเขา และสำรวจจนไปถึงขาที่เลือดกำลังไหลอยู่ “ไปเถอะ จะพานายไปจัดการบาดแผลเสียก่อน”
พูดจบ แขนยาวๆของเขาก็เข้ามาพยุงตัวสีจิ่วเฉินให้ลุกขึ้น ทั้งสองคนมีส่วนสูงและรูปร่างพอๆกัน พวกเขาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังเฮลิคอปเตอร์
คนของหลินจิงจิงเพิ่งจะพุ่งตัวเข้ามาใกล้เฮลิคอปเตอร์ แต่อยู่ ๆ ก็เจอกับการลอบโจมตีจากบุคคลลึกลับ ลูกน้องกลุ่มนี้ของหลินจิงจิงล้วนเป็นคนที่มีฝีมือไม่ใช่คนธรรมดา แต่เพราะว่าอีกฝ่ายลอบโจมตี ไม่นานก็บาดเจ็บไปกว่าครึ่ง หลินจิงจิงเปล่งเสียงกรีดร้องตกใจออกมาสองสามคำ จากนั้นก็เห็นเงาดำๆหนึ่งเงามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ วินาทีต่อมา มือของเธอทั้งสองข้างก็ถูกมัดเอาไว้ เธอเจ็บเสียจนน้ำตาเล็ดออกมาด้วยความเจ็บปวด “ปล่อยมือ ปล่อยฉันไปนะ...”
ขณะนี้สีจิ่วเฉินกำลังนั่งอยู่ในห้องผู้โดยสารของเฮลิคอปเตอร์ บนตัวเขามีเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่งคลุมเอาไว้อยู่ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังช่วยเขาจัดการบาดแผลอยู่ด้วยท่าทางชำนาญ
“เหยียนเฟิง ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ” สีจิ่วเฉินเอ่ยทักทาย
“เกือบจะสองปีแล้วล่ะ” เนี่ยเหยียนเฟิงเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าได้รูปเป็นมิติ เป็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์เป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ จากนั้นก็ยกกำปั้นชนกัน เห็นได้ชัดว่ากาลเวลาไม่อาจทำให้มิตรภาพเหมือนดังพี่น้องของพวกเขาตัดขาดจากกันได้ เห็นได้จัดเชนผ่านแววตาของพวกเขา
“จิ่วเฉิน รองเท้าฉันสกปรกแล้ว นายต้องชดใช้ให้ฉัน” เจียนจือเพ่ยยกเท้าขึ้นมาด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย เพื่อโชว์พื้นรองเท้าที่มีรอยเปื้อนโคลนติดอยู่ให้ทั้งสองคนได้เห็น
“ได้ ฉันชดใช้ให้” สีจิ่วเฉินกับเนี่ยเหยียนเฟิงมองหน้ากันไปมา
“ยังคงติดนิสัยรักสะอาดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ในปีนั้นตอนที่ฝึกฝนกลิ้งตัวในโคลน นายเอาชีวิตรอดมาได้ยังไงกัน” เนี่ยเหยียนเฟิงพูดแซวไปหนึ่งประโยค
“อย่าได้พูดถึงมันอีกเลย ฝันร้ายชัดๆ” เจียนจือเพ่ยบิดขี้เกียจและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้กลับประเทศ ได้โอกาสไปเที่ยวชมสักรอบพอดี”
“อืม ฉันเองก็จะไปเยี่ยมผู้อาวุโสสักสองสามท่านเสียหน่อย”
ไม่นาน หลินจิงจิงและลูกน้องของเธอทั้งหมดก็ถูกคุมตัวกลับมา ตอนที่หลินจิงจิงมองเห็นว่าข้างๆเฮลิคอปเตอร์มีชายหนุ่มยืนอยู่สามคน ใบหน้าของเธอตกใจจนซีดขาว
ทำไมข้างกายของสีจิ่วเฉิน ถึงได้มีหนุ่มวัยรุ่นที่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดียวกับเขาด้วยกันอีกสองคน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...