เยี่ยวานวานถือตั๋วและจ้องมองมันอยู่หลายวินาที จนกระทั่งแววตาลุ่มลึกของชายผู้นั้นมองมา เธอจึงกลับมามีสติและวิ่งเหยาะๆ ไปข้างๆ เขา แต่จู่ๆ ก็เหยียบเข้ากับตระไคร่น้ำผิวเป็นมัน ทำให้เท้าของเธอลื่น
“อ๊ะ...” เยี่ยวานวานเสียศูนย์ จึงพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นั้นอย่างจัง
เจียนจือเพ่ยโอบแขนไว้รอบตัวเธอเพื่อไม่ให้เธอล้ม แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งวินาที เยี่ยวานวานกอดชายผู้นั้นแล้วไถลลงไปตรงต้นขาของเขา กลายเป็นท่าคุกเข่า และที่ที่ใบหน้าของเธอแปะอยู่นั้น ก็พบว่าเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุดของผู้ชาย
เยี่ยวานวานรู้สึกอยากตายเดี๋ยวนั้นเลย
เจียนจือเพ่ยก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ได้รู้จักกับเธอมา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางซุ่มซ่ามและน่าอายของเธอ
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้ เจียนจือเพ่ยจึงเอื้อมมือไปดึงเธอขึ้นมา ใบหน้าเยี่ยวานวานแดงแจ๋กลายเป็นกุ้งแห้ง
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
เจียนจือเพ่ยจูงมือเธอ นิ้วยาวกำนิ้วเรียวเล็กของเธอไว้ กอบกุมไว้แน่นเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากฉีกตั๋วที่หน้าประตู
ทั้งสองจึงขึ้นบันไดไป เพราะว่าวัดนั้นตั้งอยู่บนยอดเขา และต้องปีนขึ้นไปอย่างน้อยประมาณสองร้อยเมตร
เมื่อปีนมาได้ครึ่งทางแล้ว เยี่ยวานวานก็เกิดมาเสียใจในภายหลัง เธอคิดด้วยลมหายใจที่หอบแฮ่กว่า เธอเลือกที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ?
ซึ่งตรงข้ามกับชายที่อยู่ข้างๆ ใบหน้านั้นผ่อนคลาย หน้าไม่แดงหรือหอบเลย ผมสีดำปลิวไสวไปตามแรงลมภูเขา ดูยุ่งเหยิงและเซ็กซี่เล็กน้อย
“ปีนไม่ไหวแล้วเหรอ” เจียนจือเพ่ยยิ้มมุมปากถาม
“ฉะ...ฉันยังปีนไหว” เยี่ยวานวานพูดอย่างอวดๆ ภายใต้การมองของเขา “ฉันสามารถปีนขึ้นไปในคราวเดียวยังได้เลย”
เจียนจือเพ่ยยังคงเดินต่อไป เยี่ยวานวานก็เดินตามหลังมาอย่างขืนๆ มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ซึมออกมาจากหน้าผากเงาวาว
ในที่สุดก็ปีนขึ้นไปได้แล้ว คุ้มค่ากับความลำบาก เพราะวิวทิวทัศน์บนภูเขานั้นช่างสวยงามยิ่งนัก วัดโบราณก็เหมือนกับกิเลนที่นิ่งสงบ เต็มไปด้วยความรู้สึกของประวัติศาสตร์ที่หนาแน่น
เจียนจือเพ่ยถือขวดน้ำแร่ในมือ เพราะเขาเอาออกมาจากในรถ เขาเดินไปตรงหน้าเยี่ยวานวานและส่งให้เธอ “ดื่มน้ำสิ”
เยี่ยวานวานมองน้ำในขวดที่เหลือแค่ครึ่งเดียว ฉะนั้น ก็เป็นขวดเดียวกับที่เขาดื่มไป
เจียนจือเพ่ยในตอนที่หลับตาลงก็ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก ชิ้นส่วนใบหน้าทั้งห้าเหมือนถูกเจียระไนมาอย่างระมัดระวัง เป็นสัดส่วนที่ไร้ที่ติ พูดได้ว่าเป็นใบหน้าที่ทำให้สาวๆ รู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลเลยทีเดียว
เยี่ยวานวานกลืนน้ำลายเบาๆ เธอมีความคิดที่สุดแสนจะบรรยายออกมาได้จริงๆ สำหรับใบหน้านี้
เกิดอะไรขึ้น? เพราะเขาจูบเธอเหรอ? ความรักที่อยู่ในใจของเยี่ยวานวานเต้นตึกตักอีกครั้ง และมันก็เต้นระรัวเพราะเขา
เดี๋ยวสิ ผิดแผนแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเธอวางแผนที่จะยั่วยวนเขา และทำให้เขาตกหลุมรักเธอ หลังจากนั้นเธอก็จะขอร้องให้เขายกโทษให้เธอ
ทำไมตอนนี้ตัวเองถึงมีความคิดแบบนี้กับเขาล่ะ?
แม้ว่าเจียนจือเพ่ยจะหลับตาอยู่ แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างว่องไว เขารู้ว่าหญิงสาวกำลังมองสำรวจเขาอยู่ เขาจึงจงใจใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา
เมื่อออกมาจากโถงใหญ่แล้ว ก็ไปยังตำหนักสมรส เยี่ยวานวานอดไม่ได้ที่จะหันไปพูดกับเจียนจือเพ่ย “คุณชายเจียน ที่นี่เอาไว้ขอเรื่องแต่งงาน ทำไมคุณไม่ลองไปกราบไหว้ดูล่ะ ไม่แน่คุณก็อาจจะเจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็วๆ นี้ก็ได้นะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...