สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 452

"แม่ มาแล้วเหรอ หนูโมโหจะแย่อยู่แล้วเนี่ย!"

หนานซ่งโมโหมาก ๆ จนหน้าของเธอพองออกมาเหมือนซาลาเปา

"แม่?!"

ยวี่เจียหางกับยวี่เจ๋ออวี่ได้ยินหนานซ่งเรียกออกมาแบบนั้น ก็ลุกขึ้นยืนในทันที พวกเขาหันหน้าไปมองคนที่ยืนเรียงกันอยู่เป็นหน้ากระดานทั้งสามคน

วันนี้ลั่วอินแต่งตัวเป็นทางการมากกว่ากว่าปกติ เธอสวมชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินเข้มที่ทำมาจากผ้ากำมะหยี่ ทำให้เห็นรูปร่างเพรียวสวย ผมลอนสีดำถูกปล่อยสยายไว้ทางด้านหลัง บนคอของเธอมีสร้อยเพชรเส้นสวยจากสวารอฟสกี้ บนข้อมือสวมกำไลที่ทำมาจากหินอเมทิสต์ สวยราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด

แต่ว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็น่าจะเป็นพี่สาวของพี่หนานซ่งมากกว่านี่ ไม่เห็นเหมือนแม่เลย

"เอ๊ะ" ลั่วอินร้องออกมา แล้วมองยวี่เจียหางกับยวี่เจ๋ออวี่ "ฉันไปมีลูกชายเพิ่มมาจากไหนอีกสองคนกันนะ?"

ยวี่เจียหางกับยวี่เจ๋ออวี่: "......"

เอ่อ

ยวี่จิ้นเหวินแนะนำพวกเขาให้ลั่วอินฟัง: "นี่คือน้องชายที่ไม่เอาไหนทั้งสองคนของผมครับ เจียหาง เจ๋ออวี่"

จากนั้นก็ส่งสายตาดุ ๆ ไปหาน้อง "นี่คือคุณพ่อกับคุณแม่ของเสี่ยวซ่ง แล้วก็......ทนายเฉิง พวกนายเรียกเขาว่า 'พี่เฉิง' ก็พอแล้ว"

ยวี่เจียหางกับยวี่เจ๋ออวี่ยืนเรียงกัน จากนั้นก็ทักทายพวกเขาอย่างเรียบร้อย นอบน้อม

"คุณน้าสวัสดีครับ พี่เฉิงสวัสดีครับ"

หนานหนิงซงตอบรับด้วยสีหน้าเป็นกันเอง "สวัสดี"

เด็กทั้งสองคนนี้ดูแล้ว กระฉับกระเฉงกว่าพ่อของพวกเขา เห็นแล้วสบายตาดี

ยวี่เฟิ่งเจียวกับติงเหมาออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ก็เลยไม่อยู่ที่บ้าน และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างทางกลับ

หนานหนิงซงกับลั่วอินก็เลยไปทักทายนายท่านยวี่กับนายหญิงยวี่ก่อน ยวี่จิ้นเหวินได้แจ้งทั้งสองคนไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นก็เลยพอจะได้เตรียมใจเอาไว้บ้าง พอได้เห็นตัวจริง ก็เลยไม่ได้ตกใจขนาดนั้น แต่คุณชายยวี่คนที่สองกับสามไม่ได้โชคดีแบบนั้น เขาแสดงอาการราวกับเจอศพเดินได้ พร้อมทำเสียง "เหวอ ๆ "ออกมาสองครั้ง

พวกเขาตกใจจนเดินเซ อีกนิดก็แทบจะล้มลงไป

ในตอนที่ยวี่จิ้นเหวินกลับมา พวกเขายังไม่ได้ตกใจมากขนาดนี้เลย

หนานหนิงซงยืนขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือไปทางพวกเขา "สวัสดีครับพี่เฟยหวง สวัสดีครับพี่เถิงต๋า ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ยังสบายดีกันใช่ไหม"

คุณชายยวี่คนที่สองกับสามได้ลูกชายคอยพยุงไว้ให้ยืนได้อย่างมั่นคง พวกเขามองหนานหนิงซงที่ยิ้มในหน้าราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ มุมปากของพวกเขาก็กระตุกในทันที

ดีกับผีน่ะสิ ไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่อีก!!!

คนเลว ๆ นี่ชีวิตยืนยาวอย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ !

หนานซ่งไม่ได้ตามไปนั่งคุยด้วย ตอนนี้เธอพุ่งความสนใจทั้งหมดไปกับการนั่งด่าโจ๋เยว่ที่มาด่ายวี่เฟิ่งเจียวบนอินเทอร์เน็ต

ไม่นานนักยวี่เฟิ่งเจียวกับลั่วอินก็เดินจูงมือกันเข้ามาด้านใน เหมือนกับพี่สาวน้องสาวที่สนิทกันมานาน

ยวี่เฟิ่งเจียวที่ได้เจอกับไอดอลของตัวเอง เธอนั้นแสดงความเขินอายออกมาเต็มไปหมด "จริง ๆ เชียว สุดท้ายก็ต้องลำบากให้คุณมาหาถึงที่ จะไม่เกรงใจได้ยังไงคะ?"

ลั่วอินตอบ: "อยากจะมาเยี่ยมสักครั้งตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ สี่ปีก่อนพวกเราเองก็เตรียมตัวจะมาเมืองเป่ยเพื่อเยี่ยมพวกคุณสักครั้ง ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ก็ได้มาเสียที"

"......"

หนานซ่งตกใจมาก ทำไมแม่ถึงบอกเขาไปหมดแบบนั้นล่ะ ไม่ต้องรักษาหน้าตัวเองแล้วหรือไง?

ยวี่เฟิ่งเจียวกับลั่วอินเสียดายมากที่เจอกันช้าไป พอได้คุยกันก็เลยมีเรื่องให้คุยกันไม่จบไม่สิ้น

ตอนแรกที่ยวี่เฟิ่งเจียวเห็นข่าวเธอนั้นทั้งโกรธทั้งโมโหเป็นอย่างมาก แต่พอได้เจอกับลั่วอิน ไม่ว่าจะความรู้สึกโกรธหรือโมโห ต่างก็สลายหายไปหมด

เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญ

ถ้าเทียบกับไอดอลของตัวเองแล้ว เทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

มีแค่ยวี่จิ้นเหวินเท่านั้นที่สนใจหนานซ่ง "เป็นยังไงบ้าง เรื่องจ้างคนมีประโยชน์ไหม?"

"ประโยชน์น่ะจะว่ามีก็มี ไม่ได้จ่ายเงินไปฟรี ๆ อย่างน้อยทิศทางของข่าวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว"

ใบหน้าของหนานซ่งยังคงแสดงความประหลาดใจออกมา "แต่ว่าคนพวกนั้นที่ชื่นชมโจ๋เยว่อย่างไร้สมอง ไม่รู้เหมือนกันว่าบริษัทที่จ้างให้เงินพวกเขาเท่าไหร่ ถ้าฉันให้สองเท่าพวกเขาจะหุบปากหรือเปล่า? ชมกันจนฉันนั้นแทบจะอ้วก"

ลั่วอินบอกกับยวี่เฟิ่งเจียว: "ดูสิโมโหขนาดนี้ ฉันที่เป็นแม่แท้ ๆ โดนด่ายังไม่เห็นเธอโกรธขนาดนี้เลย แต่ไม่ตามไปช่วยกันด่าก็โอเคแล้วล่ะ"

ยวี่เฟิ่งเจียวอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอมองหนานซ่งด้วยสายตารักใคร่

"ลูกสาวก็เหมือนกับเสื้อนวม อบอุ่น เอาใจเราเก่งกว่าลูกชาย"

ต่อให้เป็นตอนนี้ ยวี่เฟิ่งเจียวแค่ขยับนิ้วนิด ๆ หน่อย ๆ เด็กในท้องของโจ๋เยว่ก็สามารถหายไปได้ในทันที แต่เธอไม่อยากจะทำแบบนั้น

เรื่องบาปกรรมเธอไม่เคยคิดจะทำ อย่างไรเสียเด็กคนนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ว่าผู้ชายที่หักหลังเธอ ไม่ว่าจะตอนไหนก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่อง

*

หนานซ่งตามลั่วอินไปโรงพยาบาล แล้วคอยบ่นตามหลังเธอ "ไหนว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงด้วยกันลำบากใจไงคะ?"

"ฉันบอกว่าไม่ทำให้ผู้หญิงด้วยกันลำบากใจ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำให้เมียน้อยลำบากใจนี่"

ลั่วอินพูดต่อ: "ฉันได้ยินเรื่องราวของผู้หญิงที่ชื่อโจ๋เยว่คนนี้มาเยอะมาก อยากจะเจอหน้ามาตั้งนานแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่สมควร ฉันอยากจะเห็นนักว่าตกลงเธอหน้าตายังไงกันแน่"

หนานซ่งเบะปาก รู้ว่านอกจากแม่จะสนใจในตัวของโจ๋เยว่แล้ว แม่เองก็สนใจในตัวของโจ๋เซวียนด้วยเหมือนกัน แม่น่ะ ชอบหาเรื่องสนุก ๆ ทำจากเหล่าเมียน้อย

หลังจากที่หาห้องพักผู้ป่วยของโจ๋เยว่เจอ ลั่วอินก็ถือตะกร้าผลไม้ จากนั้นก็เคาะประตู จากนั้นก็เดินนวยนาดเข้าไป

"คุณคือ......ใครคะ?" พี่เลี้ยงเสี่ยวหรงเห็นว่าลั่วอินไม่ได้แต่งตัวธรรมดาทั่วไป ก็เลยพูดออกมาอย่างสุภาพ แล้วก็ไม่ได้รั้งเธอไว้

โจ๋เยว่ก็มองลั่วอินด้วยสีหน้างุนงงเหมือนกัน

ลั่วอินเอ่ย: "ฉันคือน้องสาวของภรรยาท่านผู้อำนวยการของเฟิ่งหวงไถ พอดีฉันมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพอดี เห็นคุณในข่าวก็เลยแวะมาเยี่ยม คุณเป็นยังไงบ้างคะ?"

หนานซ่งที่แอบอยู่ที่ขอบประตู ฟังคำพูดที่สุภาพของคุณแม่ ก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา การแสดงของแม่นี่มันเยี่ยมยอดไปเลย

สมองของโจ๋เยว่ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจะเข้าใจในความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เธอพูดมา จากนั้นจึงหายสงสัย แล้วยกยิ้มให้เล็กน้อย "ก็แค่ตกใจแต่ไม่เป็นอันตรายค่ะ โชคดีที่ลูกไม่เป็นอะไร"

"อย่างนั้นก็ดีค่ะ ฉันเห็นข่าวแล้วตกใจแทบแย่ แม่ลูกสาวคนโตของตระกูลยวี่คนนั้นนิสัยแย่จริง ๆ มาทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ไง"

โจ๋เยว่ตอบ "เฮ่อ ตั้งหลายปีแล้วล่ะ ฉันเองก็ชินแล้วเหมือนกัน ฉันเป็นแค่พิธีกรตัวเล็ก ๆ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร ไม้ซีกงัดไม้ซุงไม่ขึ้นหรอก ก็ต้องทน ๆ เอา"

หนานซ่งได้ยินแบบนั้นก็แทบจะโก่งคออ้วก แหวะ!

หน้าด้าน!

"คุณนี่น่าสงสารจริง ๆ ......"

ลั่วอินเดินไปกุมมือของโจ๋เยว่ไว้ จากนั้นก็ค่อยจับข้อมือของเธอ หัวใจของเธอกระตุกวูบ

ชีพจรแบบนี้ ไม่ถูกต้องนี่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา