สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 475

ข่าวที่โจ๋เยว่ตกเลือดจนต้องคลอดก่อนกำหนดถูกแพร่ออกไป ไม่นานเรื่องก็ถึงหูคนตระกูลยวี่

ยวี่เฟิ่งเจียวหลังจากที่ได้ฟัง เธอยังคงมีใบหน้าไร้อารมณ์ เพียงแต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "กรรมใดใครก่อ คนนั้นย่อมได้รับกรรม"

เด็กไม่รู้เรื่องอะไร ต่อให้เธอกับโจ๋เยว่จะบาดหมางกันมากแค่ไหน ก็ไม่เคยคิดจะเอาเด็กในท้องเธอมาเกี่ยวข้อง แต่น่าเสียดาย ที่เด็กคนนั้นมีแม่ที่มีจิตใจไม่ปกติ

แถมเธอ ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยตระกูลโจ๋ไปในตอนนี้

ไฟป่ายังไม่มอด สายลมก็พัดให้กระแสไฟลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง

ใจอ่อนไปก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องเจอเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ได้ทีขี่แพะไล่ จัดการอีกฝ่ายเสียหน่อยดีกว่า

ยวี่เฟิ่งเจียวเป็นคนประเภท "ถ้าไม่มาทำเธอก่อนเธอก็จะไม่ไปยุ่งด้วย แต่ถ้ามาหาเรื่องเธอเมื่อไหร่เธอจะเอาคืนเป็นสิบเท่า!"

โจ๋เยว่หลังจากที่ผ่านกระบวนการผ่าตัดเสร็จ ตอนถูกพาตัวออกมาหน้าท้องของเธอนั้นแบนเรียบ สภาพของเธอก็ไม่ต่างจากคนที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาจากหลุมศพ ใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัว ทำเอาคนในครอบครัวไม่กล้าเข้าใกล้

เด็กตัวโตประมาณห้าเดือน และเป็นเนื้อเป็นตัวเป็นรูปเป็นร่างไปแล้ว เป็นการใช้หัตถการทางการแพทย์ค่อย ๆ คีบกระดูกที่แตกของเด็กออกมาทีละชิ้น ๆ

เป็นเด็กผู้ชาย

แต่กลับไม่แข็งแรงพอที่จะคลอดออกมา

แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นลูกของตัวเอง เสิ่นหลิวซูร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ เขาเอากระดูกที่ร้าวของลูกค่อย ๆ เก็บใส่เข้าไปในโกศเก็บกระดูก

เขากอดโกศเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปนั่งลงตรงปลายทางเดินอยู่นานแสนนาน

เขานึกถึงตอนที่ยวี่เฟิ่งเจียวตั้งท้องยวี่จิ้นเหวิน เธอมีอาการแพ้ท้องรุนแรงมาก วันหนึ่งอ้วกประมาณสามครั้ง กินอะไรก็อ้วกออกมา ท้องได้สามเดือน เธอผอมลงไปตั้งห้ากิโลกรัม

ในตอนนั้นเธอยังคงทำงานหนัก วัน ๆ ต้องไปโน่นมานี่ เขาขอให้เธอพักอยู่บ้าน แต่เธอกลับถลึงตามองเขา "ค่านมลูกคุณจะเป็นคนหามาหรือไงคะ"

เขาพูดอะไรไม่ออก อย่างไรเสียเงินเดือนที่น้อยนิดนั่นของเขา คงจะซื้อนมผงคุณภาพดีให้กับลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องจำเป็นให้เธอเป็นคนทำงานหาเงินมาจริง ๆ

คนตระกูลยวี่ดูแลเธอดีมาก ๆ แต่ละวันสั่งให้คนทำซุปบำรุงร่างกายมาให้ไม่ซ้ำ อาเจียวกินไม่ลง ดังนั้นซุปพวกนั้นจึงลงไปอยู่ในท้องเขาเสียส่วนใหญ่

เพราะฉะนั้นช่วงที่เธอกำลังท้อง อาเจียวผอมลง แต่เขากลับอ้วนขึ้น

คนตระกูลยวี่ก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ด่าเขาว่าไม่รู้จักเอาใจภรรยา เขาเองก็รู้สึกน้อยใจมากเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามแต่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดทั้งนั้น

อาเจียวเป็นคนขี้โมโห ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะทำอย่าเต็มที่ เป็นคนที่เด็ดขาดมาก แต่กับลูกในท้อง เธอกลับระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก ส้นสูงไม่กล้าใส่ ครีมบำรุงผิวไม่กล้าใช้

ต่อให้ยุ่งแค่ไหน แต่ถ้าถึงเวลาตรวจครรภ์เธอก็จะไปถูกสถานที่และตรงเวลาเสมอ กลัวว่าลูกจะมีอันตราย แล้วก็ยิ่งเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของลูกขึ้นไปอีก ทุกวันตอนเย็น เธอจะต้องลากเขาไปนั่งขอพรด้วยกัน

"ขอให้เทพเจ้าช่วยปกปักคุ้มครองลูกด้วย ลูกขอให้ลูกของลูกเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรง! จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่แน่นอนว่า ถ้าสวยสักหน่อยก็คงจะดี!"

เขารู้สึกว่าการทำแบบนี้นั้นดูโง่มาก แต่ว่าเขาก็ยินดีที่จะทำตัวโง่ไปกับเธอ

ตอนที่ใกล้เวลากำหนดคลอด เป็นช่วงที่เขากำลังงานยุ่งอยู่พอดี เพราะเขาเพิ่งจะลงหลักปักฐานที่หวนหย่าไถได้ ทุกวันเขายุ่งจนไม่ได้พัก สภาพดูแทบไม่ได้

พอได้ยินว่าน้ำคร่ำเดิน เขานั้นตกใจจนทิ้งงานทุกอย่าง แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลทันที เขาวิ่งจนรองเท้าหลุดหายไปข้างหนึ่งด้วยซ้ำ

ในตอนที่เขาไปถึงโรงพยาบาล อาเจียวนั้นกำลังปวดจนแทบจะขาดใจตายให้ได้ เธอไม่หลงเหลือสภาพของลูกสาวตระกูลผู้ดีเลยสักนิด ดูเหมือนว่าคำหยาบที่เธอเรียนรู้มาตลอดชีวิตนั้นถูกเอามาใช้จนหมดในวันเดียว

แน่นอนว่า คนที่โดนด่าหลัก ๆ ก็คือเขา

"เสิ่นหลิวซู! มึงรีบมาหากูเดี๋ยวนี้เลยนะ มาเฝ้ากูคลอดลูกเดี๋ยวนี้! โอ๊ย...... ถ้ารู้ว่ามีลูกแล้วมันจะเจ็บขนาดนี้ กูก็ไม่เอามันแล้ว! ย่ามันเอ๊ย! โอ๊ย-"

การคลอดลูกผ่านไปอย่างลำบากและทรมาน ในตอนที่เขาอุ้มลูกที่โดนอาบน้ำล้างตัวมาจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าอ่อนล้าของเธอนั้นผุดรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา

แต่ก็ยังไม่เว้นที่จะถลึงตาใส่เขา "ถ้าชาตินี้ คุณกล้าทำอะไรที่ไม่ดีต่อฉันกับลูกละก็ ฉันเอาคุณตายแน่!"

ตอนนั้นเขาพูดว่าอะไรแล้วนะ?

อ๋อ จริงด้วย เขาหน้าด้าน เขายกยิ้มทะเล้นแล้วเข้าไปจูบเธอ จากนั้นก็ปลอบเธอว่า: "เธอวางใจเถอะน่า ฉันกล้าพนันเลยว่าชาตินี้ฉันไม่กล้าที่จะทำอะไรไม่ดีต่อเธอกับลูกแน่ พวกเธอก็คือชีวิตของฉัน!"

แต่ว่าเขากลับทำชีวิตของเขาหล่นหาย

เสิ่นหลิวซูเจ็บหน้าอกราวกับมีมีดมาแทงลงไปที่เดิมซ้ำ ๆ เขาปวดมากจนต้องร้องออกมา เจ็บจนหายใจไม่ออก เขารู้แต่เพียงภาพตรงหน้าเขามืดไป ร่างกายของเขาล้มลงมาจากเก้าอี้แล้วลงไปนอนอยู่บนพื้น

เฮ่อเซินกับซูอิงมีถ่ายรายการเพื่อสังคมด้วยกัน อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และพรุ่งนี้พวกเขาก็ต้องรีบขึ้นเครื่องบินกลับไปที่กองถ่าย

"ทางโจ๋เซวียน คงไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีกใช่ไหม?"

ซูอิงยังคงรู้สึกไม่วางใจ

หนานซ่งบอกออกมา: "ฉันส่งคนไปจับตามองเธอเอาไว้แล้วล่ะ ถ้าเกิดว่าเธอลงมือทำอะไรอีก ฉันจะต้องรู้แน่นอน แต่ว่าตอนนี้แค่ตัวเธอเองก็แทบจะไม่มีให้ คงไม่มีเวลาว่างไปก่อความวุ่นวายให้กับคนอื่นหรอก"

พอเกิดเรื่องขึ้นกับโจ๋เยว่ โจ๋เซวียนก็รีบจองตั๋วเครื่องบินรอบเย็นทันที เธอไม่แม้แต่จะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันด้วยซ้ำ เธอรีบกลับมาที่เมืองหนาน ดูเหมือนว่าจะต้องรีบกลับไปปลอบขวัญบ่อเงินบ่อทองของเธอเสียแล้ว

อย่างไรเสียถ้าพึ่งพาโจ๋เยว่กับเสิ่นหลิวซูไม่ได้ เธอก็จำเป็นที่จะต้อง 'พึ่งตัวเอง' แล้ว

เฮ่อเซินกับซูอิงขอตัวกลับห้องไปเก็บกระเป๋ากันก่อน

หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินนั้นขออยู่คุยเรื่องงานกันต่ออีกครู่หนึ่ง เห็นว่าเริ่มดึกมาแล้ว หนานซ่งก็เลยบอกออกมา: "โอเคแล้วล่ะ คุณกลับไปเถอะ"

ยวี่จิ้นเหวินเลิกคิ้ว "ไล่ผมไปแล้วเหรอ?"

"ไม่อย่างนั้นจะยังไงล่ะ" หนานซ่งกลอกตา "จะนอนที่นี่รึไง?"

ยวี่จิ้นเหวิน "อย่างนั้นก็ได้นี่"

"ฝันไปเถอะ!" หนานซ่งผลักเขาออกไปจากประตูอย่างไร้เยื่อใย "กลับไปได้แล้ว!"

"อย่างนั้นก็ได้ครับ"

ยวี่จิ้นเหวินยืนอยู่ด้านนอกประตู เขายิ้มออกมาอย่างสดใส "พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบมา จะไปส่งพี่สามพร้อมกับคุณ"

หนานซ่งบอกออกมา: "ไม่ต้องค่ะ ฉันไปส่งเองได้"

"อย่างนั้นก็ตามนี้แล้วกัน รีบเข้านอนนะ ฝันดีครับ" อยู่ ๆ ยวี่จิ้นเหวินก็เข้ามาจูบหน้าผากเธอเบา ๆ แล้วก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

หนานซ่งยังไม่ทันจะตั้งสติได้ทัน คนคนนี้ก็เดินเข้าไปอยู่ในลิฟต์เสียแล้ว เขาโบกมือลาเธอ

หน้าผากของเธอยังคงสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อน หนานซ่งอดจะแตะมันไม่ได้ เธอมองประตูลิฟต์ที่ปิดไปแล้ว จากนั้นก็พึมพำด่าเขา: "ไอ้ผู้ชายฉวยโอกาส มาแต๊ะอั๋งฉัน ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันจะจัดการคุณแน่!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา