การแต่งงานระหว่างหนานหลินและกู้เหิงได้กำหนดขึ้น แต่ทำให้คุณผู้หญิงลั่วอินนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก
"คุณลุง คุณป้า รบกวนพวกคุณแล้ว"
หนานหลินมองหนานหนิงซงและลั่วอินที่กำลังยุ่งวุ่นวายเรื่องของงานแต่งงานของเธอ เธอทั้งประทับใจและรู้สึกเกรงใจ
"รบกวนอะไรตรงไหนกัน เดิมทีน่ะฉันก็คิดว่าหลังเกษียณแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างน่าเบื่อ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องทำแล้ว"
ลั่วอินนั้นไม่ชอบหนานหนิงจู๋เป็นอย่างมาก แต่สำหรับหนานหลินที่ประพฤติตัวดีและมีเหตุมีผลตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอชอบมาก แม่ของหนานหลินจากไปตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของเธอนั้นจิตใจเกินจะเยียวยา เรื่องของการแต่งงานหนานหนิงซงและลั่วอินจึงคอยจัดเตรียมให้แก่เธอ เวลาเร่งด่วน มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับงานแต่งงานและมีอีกหลายอย่างที่ต้องตระเตรียม
เลือกวันที่ฤกษ์งานยามดีแล้วหนานหลินและกู้เหิงก็ได้ไปจดทะเบียนสมรส
หนานซ่งมองทะเบียนสมรสสีแดงระหว่างหนานหลินและกู้เหิงที่โพสต์ลงไทม์ไลน์ เธอกดไลค์ให้พวกเขาและใส่อิโมจิความรู้สึกให้
"อ้าปาก" ยวี่จิ้นเหวินจิ้มลูกสาลี่ที่ถูกหั่นไว้อย่างดีแล้วด้วยไม้จิ้มฟันจากนั้นก็ยื่นไปยังบริเวณปากของหนานซ่ง
หนานซ่งค่อยๆอ้าปากและกินสาลี่ที่ทั้งหวานทั้งกรอบ
เธอเอนกายพิงไหล่ยวี่จิ้นเหวินและเอ่ยด้วยอารมณ์ที่ปลงใจ "ฉันรู้สึกว่าหนานหลินและกู้เหิงเพิ่งคบกันได้ไม่นานนัก ทำไมเพียงพริบตาก็จดทะเบียนกันแล้ว ลองมาคิดๆดูแล้วพวกเขารู้จักกันแค่ปีเดียวเท่านั้น ทำไมความรู้สึกว่าพวกเขานั้นคบกันมานานมาก มันช่างขัดแย้งกันจริงๆ"
"ชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว" ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยและป้อนสาลี่ให้เธออีกครั้ง "คนอื่นมองเรา บางทีก็คงรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน"
หนานซ่งมองมาที่เขาด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”
ยวี่จิ้นเหวินยกมือขึ้นเพื่อเช็ดคราบอาหารบริเวณริมฝีปากของเธอออกพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "บางทีในสายตาพวกเขา เส้นทางความสัมพันธ์ของเรานั้นน่าทึ่งกว่า"
หนานซ่งครุ่นคิด แล้วไม่ใช่เหรอ
ต้องรู้ว่าปีที่แล้วพวกเขายังคงเป็นอดีตภรรยาและอดีตสามีของกันและกัน การพบปะกันเป็นไปอย่างตึงเครียด ไม่เคยคิดว่าจะสานสัมพันธ์ต่อและไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาคบกันอีกครั้ง
เวลานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้มากมายจริงๆ บางครั้งคำว่า 'พรหมลิขิต' ที่คนชอบเอามาพูดกัน อาจจะเป็นเพียงเพราะว่าประสบการณ์ต่างๆไม่อาจจะเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นได้ ในรสชาตินี้มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้
"ยวี่จิ้นเหวิน" เธอหันศีรษะและเรียกชื่อเขาในทันใด
เมื่อยวี่จิ้นเหวินได้ยินเธอเรียกชื่อของเขาอย่างเต็มยศ เขาก็รู้สึกประหม่าเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง รูม่านตาของเขากระชับแน่น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ
"หัวหน้า มีคำสั่งอะไรหรือ?"
"ชิ ใครอยากเป็นหัวหน้านายกัน"
วินาทีถัดมาหนานซ่งยกกำปั้นขึ้นและชกเบาๆที่ไหล่แข็งแกร่งของเขา จากนั้นเธอเอนกายและพิงไหล่ของเขาพร้อมกับเอ่ยเสียงเบาว่า "ฉันอยากจะบอกว่า ฉันหวังว่าในครั้งนี้พวกเราจะรักกันอย่างช้าๆ รักกันไปจนแก่เฒ่าและค่อยๆเดินไปด้วยกันไปตลอดนะ โอเคไหม?"
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะกระทบหัวใจของเขา ยวี่จิ้นเหวินโอบเธอไว้ในอ้อมแขนสัมผัสใบหูของเธอและตอบเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "โอเค"
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
*
ขั้นตอนการเดินทางกลับประเทศของเหยียนยวนเสร็จสิ้นแล้ว
ก่อนจากไปหนานซ่งได้จัดการให้โรงพยาบาลทำการตรวจร่างกายให้เขาอย่างละเอียด เมื่อได้ตรวจอย่างแน่ชัดแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงโล่งใจ
หนานซ่งและลั่วจวินหังได้มาส่งเหยียนยวนที่สนามบิน เหยียนยวนไม่มีสิ่งของมากมายนัก มีเพียงกระเป๋าเป้สีดำใบหนึ่งเท่านั้น ดูเก๋และเรียบง่าย
"เอาล่ะ กลับไปเถอะ"
เหยียนยวนหยุดนิ่งและกล่าวอำลาพวกเขา
หนานซ่งหยิบของขวัญที่ได้เตรียมไว้ให้เขาออกมาและส่งให้กับเหยียนยวน "พี่เหยียน ไม่มีอะไรให้เลย ของสิ่งนี้พี่นำกลับไปเป็นของที่ระลึกนะ"
เหยียนยวนรับสิ่งของนั้นมา รูม่านตาสีเทาอ่อนของเขาสั่นไหว “มันคืออะไร?”
"ฉันเขียนอักษรภาพ"
"แน่นอนสิ!" หนานซ่งตอบทันทีโดยไม่ครุ่นคิด
มุมปากของลั่วจวินหังยกยิ้ม "เธอนี่มีมโนธรรม เลี้ยงไม่เปลืองข้าวสุก"
หนานซ่งยิ้มร้ายกาจ ภายในใจคิดว่า : แฟนน่ะอาจจะไม่ใช่แฟนเสมอไป เพราะในอนาคตเขาจะกลายเป็นสามีไงล่ะ
เธอนี่สุดแสนจะชาญฉลาด
หลังจากขึ้นเครื่องบินแล้ว เหยียนยวนรัดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเขาก็เปิดของขวัญที่หนานซ่งมอบให้กับเขา
เมื่อเปิดฝากระบอกออก มีม้วนกระดาษที่มีเชือกสีแดงมัดตรงกลาง เขาแก้เชือกและค่อยๆคลี่กระดาษออก สิ่งที่เขาเห็นคือบทกวีโบราณที่ดูไม่ธรรมดาและดูทรงพลัง เขาเอื้อนเอ่ยออกมาทีละคำอย่างชัดเจน :
【ลาก่อนตงต้าเอ๋อ นักประพันธ์...เกาชิ หลายพันลี้ ก้อนเมฆสีเหลืองและวันที่ขาวโพลน หิมะที่พัดมาจากลมเหนือ โม่โจวไม่มีคู่หูในหนทางข้างหน้า แต่อย่ากังวลไปไม่มีใครไม่รู้จักพระราชา หกสิ่งที่ลอยอยู่และเวทนาตนเอง อยู่ห่างจากจิงลั่วนานนับสิบปี สามียากจนและถ่อมตน...ไม่น่าจะพอ วันนี้เราพบกันโดยปราศจาก...เหล้าและเงิน——ของขวัญจากหนานซ่ง】
เหยียนยวนอ่านบทกวีทั้งหมด เขาไม่รู้คำศัพท์อยู่หลายคำและเมื่ออ่านจบเขาก็ไม่เข้าใจความหมาย
แต่เขารู้สึกว่า....ตัวอักษรนั้นไม่เลวเลย
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นอีเมลจากหนานซ่ง
[พี่ใหญ่เหยียน ในบทกวีมีคำที่ยากอยู่หลายคำ เกรงว่าพี่จะไม่เข้าใจ ฉันให้พี่ใหญ่อัดเสียงให้ พี่รอฟังได้เลย ฉันยังแปลความหมายของบทกวีเป็นภาษาTด้วย อันอื่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ 'โม่โจวไม่มีคู่หูในหนทางข้างหน้า แต่อย่ากังวลไปไม่มีใครไม่รู้จักพระราชา' หวังว่าในอนาคตพี่จะได้พบคู่หูของพี่]
การแปลของหนานซ่งนั้นดีมาก เมื่อเหยียนยวนได้อ่านมัน เขาก็เข้าใจความหมายของบทกวี ริมฝีปากของเขานั้นโค้งงอ
เขาเปิดเสียงที่อัดอีกครั้ง เสียงของลั่วจวินหังดังขึ้น เมื่อได้ฟังก็รู้ว่าเขาไม่เต็มใจนัก
หลังจากอ่านบทกวีช้าๆและจบลง ขณะนั้นเสียงก็เงียบไปชั่วขณะ ลั่วจวินหังเอ่ยว่า "บทกวีแค่นี้ยังต้องให้ฉันอ่าน มีเวลานักก็ไปเรียนภาษาจีนซะนะ ไอ้คนไม่รู้หนังสือ"
เหยียนยวน "..........."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...