ลั่วอินกับหนานหนิงซงโผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ว่าพวกเขามาได้จังหวะพอดี
ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะมาแกล้งมู่โจวกับกู้ฟาง ไม่คิดว่าจะเห็นรถของหนานซ่งจอดอยู่ที่ตีนเขา จึงได้รู้ว่าลูกสาวก็มาที่นี่เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่รถหนานซ่ง พวกเขายังเห็นรถของเจี่ยงฟานอีกด้วย เจี่ยงฟาน เด็กคนนั้นก็มาด้วยเหรอ?
ขณะที่กำลังสงสัย เมื่อทั้งสองเข้าไปด้านในก็ไม่มีใครมาต้อนรับ ถึงจะอยู่ห่างออกมาตั้งเยอะ แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังออกมา ได้ยินพวกเขาคุยเรื่องอาการป่วยของมู่โจวกับการพูดจาเกินจริงของซ่งซี
ลั่วอินที่เป็นคนเจ้าอารมณ์ พอได้ฟังก็โมโหทันที
ดูเหมือนซ่งซีจะไม่นึกว่าคนที่เพิ่งพูดถึงจะตายยากขนาดนี้ พอเห็นว่าอยู่ ๆ ลั่วอินก็ปรากฏตัว เธอก็ตกใจ
เธอคงจะเป็น 'พระแม่มารี' 'ราชินีแดง' ในตำนาน แค่ปัจจุบันอยู่ในร่างของคุณนายตระกูลหนานแน่ ๆ
แล้วก็เป็นผู้ที่อาวุโสกว่าเธอด้วย
ที่เมืองฝั่งตะวันออก เธอโตมากับตำนานเรื่อง 'ราชินีแดง'
ใคร ๆ ก็บอกว่าเธอคือน้องสาวที่เป็นญาติของพระราชา เป็นผู้ที่งดงามที่สุดในโลกและเป็นผู้ที่ไม่มีวันชรา มีอำนาจในการทำสงครามเยอะจนผู้คนกลัว แค่เธอคนเดียวก็สามารถเอาชนะคนทั้งกองร้อยได้
ไม่ใช่แค่เพียงเท่านี้ เธอยังเป็นผู้รักษา เป็นนักอภิปรัชญา นักภาษาศาสตร์ นักกฎหมายระหว่างประเทศ มีความสามารถในการแฮ็ก ขับเครื่องบินเป็น ขับรถถังก็เป็น แล้วก็ขับรถแข่งได้ด้วย ไม่มีอะไรที่เธอขับไม่ได้
เธอเป็นตำนาน แต่กลับเป็นคนทรยศในเมืองฝั่งตะวันออก
ยี่สิบหกปีก่อน เธอพากองทัพราชินีแดงแปรพักตร์ และก็ทำลายเมืองฝั่งตะวันออกจนราบเป็นหน้ากลอง ได้ยินมาว่าไฟลุกโชนเผาไหม้อยู่สามวันสามคืนจึงจะดับลง ชาวบ้านล้มหายตายจาก หมู่บ้านพังเสียหาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 'ราชินีแดง' ก็หายตัวไป เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนได้ข่าวว่ามีคนพบร่องรอยของเธอ นึกไม่ถึงว่าเธอนั้นจะหนีไปอีกครั้ง
และที่นึกไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เธอจะพบบรรพบุรุษ ที่นี่
"หนูชื่อซ่งซีค่ะ"
อยู่ ๆ ซ่งซีก็บอกชื่อแซ่ของตัวเองออกมา เหมือนกับว่าเธอกำลังตอบคำถามก่อนหน้านั้นของลั่วอิน- "เธอเป็นใครมาจากไหนโผล่มาที่นี่ได้ยังไง?"
ลั่วอินนั้นไม่ได้คิดจะสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ เธอเพียงปรายตามองซ่งซีเล็กน้อย แววตาเย็นชา มีเพียงความเหยียดหยาม
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็โยนไปทางซ่งซี แล้วซ่งซีก็ยื่นมือมารับเอาไว้
เธอมองไปที่ลั่วอินด้วยแววตาสงสัย
"เมื่อกี้เธอโยนโทรศัพท์ของลูกสาวฉัน"
ลั่วอินพูดขึ้นด้วยท่าทีนิ่ง ๆ : "ฉันช่วยเก็บให้เธอแล้ว อย่างนั้นเธอก็ควรจะคืนมัน ใช่ไหม?"
เธอใช้น้ำเสียงในเชิงถาม แต่ว่าไม่ได้แสดงทีท่าสงสัย
แทนที่จะพูดว่ากำลังพูดคุยกัน จริง ๆ ควรใช้คำว่าคำสั่งมากกว่า
หัวใจของซ่งซีกระตุก เธอมีความรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าเธอไม่ทำตามคำสั่งของลั่วอิน วันนี้เธออาจจะไม่ได้เดินออกไปจากประตูบานนั้นแบบดี ๆ
และความจริงแล้ว สิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้อง
ลั่วอินนั้นมีข้อดีมากมาย แต่ว่าเธอมีข้อเสียอยู่เพียงข้อเดียว ก็คือลำเอียง
คนในครอบครัว ไม่ว่าจะทำถูกหรือทำผิด แต่ต่อหน้าคนนอก เธอจะปกป้องพวกเขาแบบไม่มีข้อแม้ เรื่องที่เธอเคยพูดว่า 'เธอไม่มีทางเข้าข้างคนที่ผิดหรือคนที่ไม่มีเหตุผล' แต่ว่าความจริงแล้ว เธอเองก็ไม่ใช่คนที่มีเหตุผลเท่าไหร่นัก ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่ลูกสาวของเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้ทำผิด ก็มีแค่เธอเท่านั้นที่สั่งสอนได้ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น!
ดูเหมือนว่าซ่งซีกำลังอดทนอยู่ภายใต้แรงกดดันของลั่วอิน เธอส่งโทรศัพท์คืนให้หนานซ่ง
หนานซ่งไม่ได้สนใจเธอ เธอเพียงแค่หันไปพูดกับลั่วอิน: "แม่ แม่รีบไปดูอาจารย์มู่เร็ว"
มือของซ่งซีค้างอยู่กลางอากาศ เธออับอายเป็นอย่างมาก
เธออยากจะปาโทรศัพท์เครื่องนั้นลงพื้นอีกครั้ง แต่ว่าเธอนิ่งไว้เพราะไม่กล้า
เจี่ยงฟานรับโทรศัพท์ไปแทนโดยไม่ได้พูดอะไร เขาเก็บเอาไว้ทางด้านหลัง ค่อยหาโอกาสเหมาะเพื่อคืนหนานซ่ง
ถ้าตามนิสัยปกติของลั่วอินนั้น เวลาได้เจอกับเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ได้สั่งสอนจนซ่งซีนั้นลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นก็คงผิดกับฉายายมบาลสาวที่เธอได้ไปอยู่มาก ก็แค่ตอนนี้เธอเห็นว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ตอนที่เธอเห็นมือของมู่โจว ดวงตาของเธอก็หรี่ลง จากนั้นเธอก็เดินไปจับข้อมือของเขา แล้วค่อยเปลี่ยนไปจับข้อมืออีกข้างเพื่อแมะชีพจร
ลั่วอินกำลังจับชีพจร สีหน้าของเธอก็ยิ่งดูขรึมขึ้นเรื่อย บรรยากาศกดดันถูกแผ่ออกมาจากตัวเธอและมากพอจะฆ่าคนทั้งบ้านนี้ได้
บอกได้ก็คือ มันขึ้นอยู่กับสองสามวันนี้นี่แหละ
กู้ฟางเริ่มตาแดง เธอหันหน้าไปอีกทาง
ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งก็เริ่มมีขอบตาแดงก่ำ พวกเขามองไปที่มู่โจว ในคอของพวกเขาเหมือนมีอะไรมาอุดกั้นเอาไว้ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
อยู่ ๆ ซ่งซีที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังก็พูดขึ้น "คุณน้า พูดแบบนี้ คือกำลังแช่งให้อาจารย์หนูตายอยู่หรือยังไงคะ?"
"ใครเป็นน้าเธอ? อย่ามาเรียกคนมั่ว ๆ ฉันไม่ได้มีหลานนิสัยมักง่ายแบบนี้"
ลั่วอินไม่ได้พูดกับซ่งซีดี ๆ เลยด้วยซ้ำ "คิดว่าฉันพูดจาไม่น่าฟัง? แล้วเธอรักษาได้ไหม? ถ้าได้ก็เชิญ!"
เธอลุกขึ้น แล้วเว้นที่ตรงหัวเตียงให้ซ่งซี
ซ่งซีเงียบไป และก็ไม่ได้เดินไป
"หนูไม่ใช่หมอเสียหน่อย"
"ไม่ใช่แล้วยังพูดสี่พูดแปดอยู่อีก ฉันนึกว่าเธอคือฮว่าถัวที่กลับชาติมาเกิดเสียอีก ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้ตาบอกสินะ ที่จริงฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีความสามารถอะไร"
ลั่วอินกลอกตาใส่ซ่งซี แล้วก็กลอกตาซ้ำอีกครั้งราวกับกลัวว่าซ่งซีจะมองไม่เห็น
ซ่งซี: "......"
นี่ไม่ใช่ 'ราชินีแดง' อะไรนั่นหรอก นี่มันอีแก่บ้าน้ำลายชัด ๆ !
มู่โจวไอแห้งออกมาสองสามครั้ง เขาแตะบริเวณกลางอกของตัวเอง แล้วหันไปพูดกับลั่วอิน: "เธอนี่คิดเล็กคิดน้อยเหมือนกับเด็ก"
"ก็ไม่ใช่เด็กบ้านฉันเสียหน่อย ถ้าเธอเป็นเด็ก อย่างนั้นฉันก็คงจะกลายเป็นทารกแล้ว! ฉันยังดูหน้าเด็กกว่าเธอเสียอีก!"
ลั่วอินนั่งลงที่เดิม แล้วถามขึ้นด้วยใบหน้ารังเกียจ "นายไปเก็บลูกศิษย์ห่วย ๆ แบบนี้มาจากตลาดแถวไหน? แค่มาถึงก็ทำร้ายจนทำให้นายเป็นแบบนี้ไปได้?"
ซ่งซีมีแววตาไม่พอใจ มือทั้งสองข้างที่ตกอยู่ข้างตัวของเธอ กำหมัดแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...