ในที่สุด ลั่วอินก็ได้ทำตัวเป็นแม่ต่อหน้าคนนอกเสียที เธอเป็นคนพูดขอบคุณกับหวังผิงด้วยตัวเอง
ขอบคุณที่เขาช่วยหนานซ่งล้างความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ ทำให้เธอกลับมาเป็นผู้บริสุทธิ์อีกครั้ง
หวังผิงกลับไม่รับความดีความชอบนั้นไว้ เขาพูดออกมานิ่ง ๆ : "ผู้ที่บริสุทธิ์ย่อมรู้ดีว่าตนนั้นบริสุทธิ์ ผู้ที่มีความผิดย่อมรู้ดีว่าตนนั้นมีความผิด การจัดการเรื่องพวกนี้เป็นงานของตำรวจ ไม่จำเป็นที่จะต้องขอบคุณครับ"
ตอนที่กำลังพูด สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ลั่วอิน แต่ลั่วอินนั้นกลับเหม่อไปอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องถูกหาว่าโดนสะกดจิตแน่
"หัวหน้าหวัง พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ?"
ลั่วอินถามออกไปตรง ๆ ถ้ามีเรื่องสงสัยในใจก็ถามออกไปตรง ๆ เธอไม่ให้โอกาสให้ตัวเองได้ลองคิดเองเออเองเลยแม้แต่วินาที
คำถามที่ถูกถามออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่ใช่แค่หัวหน้าหวังกับเฮ่อเสี่ยวเหวิน แม้แต่คนในตระกูลหนานเอง ก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองลั่วอิน
หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินหันมองหน้ากัน
คำพูดแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นคนอื่นพูดออกมา คนคงจะมองว่ากำลังจีบกันอยู่แน่ ๆ แต่ว่าพอมันหลุดออกมาจากปากของลั่วอิน ทำไมพอได้ฟังแล้วถึงรู้สึกแปลกประหลาดก็ไม่รู้
หวังผิงยังคงมีสีหน้าแบบเดิม ราวกับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่มีผลต่อความรู้สึกของเขาทั้งนั้น
เขาถาม "เคยเจอกันเหรอครับ?"
ลั่วอินตอบ: "ฉันรู้สึกว่าคุณดูคุ้น ๆ มักจะรู้สึกว่า ฉันเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อน"
ได้ยินแบบนั้น หวังผิงก็ยกยิ้มเล็กน้อย มันเป็นองศาความโค้งที่เล็กน้อยมากจริง ๆ
"คนตั้งเยอะตั้งแยะ บางทีอาจจะเคยเจอกันก็ได้ครับ บางที คุณผู้หญิงอาจจะรู้สึก ถูกชะตากับผม"
หนานซ่งเลิกคิ้ว
และนี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกว่าแปลก เพราะว่าแม่ของเธอไม่ได้ถูกชะตากับใครง่าย ๆ ไม่ใช่ตั้งแต่แรกเจอ
ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรก คำที่ใครก็ใช้ จะต้องมีเหตุผลอะไรอยู่แน่
แม่ของเธอเป็นคนที่ไม่พูดจาโกหกอ้อมค้อมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าเธอบอกแบบนี้ นั่นหมายความว่า เธอนั้นคุ้นตาหวังผิงจริง ๆ
อย่างนั้นปัญหาก็คือ เขาเป็นแฟนเก่าของแม่เธอหรือไง?
หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ภายในหัวของพวกเขาต่างก็มีสายตาที่เหมือนกันกับหนานซ่ง แม้แต่สีหน้าของหนานหนิงซงยังเปลี่ยนไป
มีแค่ลั่วอินเท่านั้น ที่ยังคงสีหน้าจริงจังเอาไว้
แม้แต่ตัวเธอเองยังรู้สึกประหลาด ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับใครคนหนึ่งมากขนาดนี้ แถมคนคนนั้นยังไม่หล่ออีกด้วย!
ทำไมเธอถึงได้จำผู้ชายที่ไม่หล่อได้นะ?
แถมยังนึกไม่ออกอีกต่างหากว่าเคยเจอเขาที่ไหน
ลั่วอินก็เลยเอาแต่นั่งเท้าคางมองหวังผิง แล้วเอาแต่นั่งมองเขาด้วยท่าทีครุ่นคิด ท่าทางจริงจังแบบนั้นทำเอาคนกลัวกันเป็นแถว ๆ
หนานหนิงซงทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็เลยกระแอมออกมา เพื่อที่จะเตือนให้คุณนายของเขานั้นรักษากิริยาหน่อย
เฮ่อเสี่ยวเหวินกลับมีเสียงร้องเตือนดังอยู่ในใจ เธอควงแขนของหวังผิง จากนั้นก็ออกความเห็น: "พวกเราไปกันไหม?"
หวังผิงหันไปมองเฮ่อเสี่ยวเหวิน จากนั้นก็ตอบรับว่า "อืม"
เสียงตอบรับว่าอืมแค่ครั้งเดียว ทำให้หูของลั่วอินรู้สึกชาไปหมด เสียงที่ฟังดูคุ้นเคย มันกระแทกอกเธอเข้าอย่างจัง แม้แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นแรง ราวกับมีใครกำลังตีกลองอยู่ในนั้น ตัวเธอชา จนต้องนั่งหลังตรง
หวังผิงกับเฮ่อเสี่ยวเหวินลุกขึ้นแล้วบอกลาพวกเธอ หนานซ่งกับคนอื่น ๆ ตามไปส่งทั้งสองคน มีเพียงแค่ลั่วอินที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
จนกระทั่งพวกเขากำลังจะเดินไปถึงประตู ลั่วอินก็พูดขึ้น "เดี๋ยวก่อน!"
ทุกคนหยุดเดิน จากนั้นก็ค่อย ๆ หันหน้ากลับมา
จนถึงตอนนี้ หนานซ่งเริ่มรู้สึกว่าแม่ของเธอนั้นผิดปกติ เพราะว่าใบหน้าของเธอ อยู่ ๆ ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาแถมยังดูขาวซีด
สีหน้าแบบนี้ ไม่ใช่แค่ปีที่แล้ว หรือเมื่อก่อน แต่มันไม่เคยมีสีหน้าแบบนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่เธอเลย
ไม่ว่าจะตอนไหน ลั่วอินก็คือตัวแทนของเขาความนิ่ง ความเท่ และความขี้เกียจ ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายเธอก็ยังคงหาทางออกได้อย่างใจเย็นเสมอ แม้แต่ในตอนที่เธอโกรธก็ตาม? เหมือนกับว่ามีอะไรที่มีผลต่อจิตใจของเธอเข้าเต็ม ๆ จนทำให้เธอนั้นทั้งกลัวแล้วก็อ่อนแอ
หนานหนิงซงอยู่ใกล้กับลั่วอิน เขาเองก็เห็นสีหน้าผิดปกติของเธอเหมือนกัน เลยเข้าไปพยุงภรรยา "อาอิน มีอะไรหรือเปล่า?"
ลั่วอินผลักมือของเขาออก ภายใต้สายตาของทุกคน จากนั้นก็เดินตรงไปหาหวังผิง
"คุณน้าลั่ว มีอะไรคะ?"
ลั่วอินทำให้เฮ่อเสี่ยวเหวินตกใจ
เฮ่อเสี่ยวเหวินขมวดคิ้ว: เธอรู้อะไรบ้างเนี่ย?
หนานซ่ง: ฉันไม่รู้อะไรเลย
ครั้งนี้เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ เธอเองก็งงเหมือนกัน กำลังสงสัยอยู่เนี่ย
ในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม อยู่ ๆ ลั่วอินก็เบนสายตากลับมา สีหน้าของเธอกลับมาเป็นปกติ "ฉันก็แค่ล้อเล่นน่ะค่ะ หัวหน้าหวังอย่าถือสาเลยนะคะ คุณหน้าตาคล้ายกับน้องชายคนรองที่เป็นลูกของคุณลุงที่เป็นญาติห่าง ๆ ของฉันมาก ทั้งคิ้ว จมูก ตา ปาก เหมือนราวกับว่าโคลนนิ่งกันมาเลย"
"......"
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็ขมวดคิ้ว: น้องชายคนรองที่เป็นลูกของคุณลุงที่เป็นญาติห่าง ๆ ?
นี่มันไม่ห่างกันไปหน่อยหรือไง
หนานซ่งหันไปมองลั่วจวินหัง เครื่องหมายคำถามค่อย ๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเธอ: ทำไมพวกเธอไม่เห็นจะรู้เลยว่าแม่มีคุณลุงที่เป็นญาติห่าง ๆ ด้วย? น้องรอง?
หวังผิงกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ "อย่างนั้นเหรอครับ? อย่างนั้นก็ถือว่าดวงสมพงศ์พอสมควรนะครับ"
ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาแล้ว
หนานซ่งรู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศที่ทุกคนได้มาเจอกันนั้นมันค่อนข้างที่จะประหลาดไปหน่อย คุณนายลั่วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หัวหน้าหวังก็นิ่ง ๆ เงียบ ๆ
และรอยยิ้มสุดท้ายนั่น ถือว่าทำให้บรรยากาศในวันนี้สมบูรณ์
แต่ว่า รอยยิ้มของหวังผิงที่หนานซ่งเห็น มันดูแข็ง ๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติมาก ๆ ถ้าไม่ใช่คนที่กล้ามเนื้อมีปัญหา ก็เพิ่งไปฉีดโบท็อกซ์มา
แต่ยังไง หัวหน้าหวังก็ไม่มีทางไปทำศัลยกรรม ฉีดโบท็อกซ์อยู่แล้ว คงมีแต่กล้ามเนื้อใบหน้ามีปัญหาเท่านั้นแล้ว
เฮ่อเสี่ยวเหวินขึ้นไปรถของหัวหน้าหวัง แล้วก็กลับไปกับเขา
พอส่งหวังผิงกับเฮ่อเสี่ยวเหวินเสร็จแล้ว ทุกคนก็หันมามองลั่วอิน
ลั่วอินอ้าปากหาว "ง่วงแล้วล่ะ"
เธอหมุนตัว กำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน
"แม่ อย่าหนีนะคะ! เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ!"
หนานซ่งตะโกนไปจากทางด้านหลังของเธอ "พวกเรามีคุณลุงเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...