เฮ่อเซินคิดไว้แล้วว่าไม่มีทางปิดบังซูอิงได้
ในตอนที่เธอถามออกมา เขาก็รู้ว่าเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว
อันที่จริงซูอิงสังเกตถึงความผิดปกติในช่วงนี้ของเฮ่อเซินได้ตั้งนานแล้ว พวกเขานอนเตียงเดียวกัน ความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของกันและกันมากที่สุด ช่วงนี้เฮ่อเซินเป็นกังวลมาโดยตลอด ซูอิงมองออก หลายวันมานี้เขามักจะลองเชิงถามเธอเกี่ยวกับเรื่องในตอนเด็ก แต่ก็ไม่กล้าถามเยอะ กลัวว่าจะกระทบบาดแผลในใจของเธอ และเธอก็ไม่อยากนึกถึงอดีต ความทรงจำที่มีแต่ความเจ็บปวด
บางคนใช้วัยเด็กรักษาชีวิต บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อบำบัดชีวิตในวัยเด็ก
หนานซ่งคือคนกลุ่มแรก ซูอิงกลับเป็นคนกลุ่มหลัง
วัยเด็กและวัยรุ่น ชีวิตของเธอน่าอนาถมาก สำหรับเธอความทรงจำพวกนั้นเป็นสีเทา มีแสงสว่างเล็ก ๆ เพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือความรักการคุ้มครองจากแม่ หลังจากแม่เสียชีวิต เธอก็หนีออกมาจากเมืองเล็ก เธอตัวคนเดียวต่อสู้โลกที่หนาวเหน็บใบนี้ เธอก็แค่พยายามและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแค่นั้น จนกระทั่งได้พบกับเฮ่อเซิน เธอถึงได้ลิ้มรสของการถูกรัก
เฮ่อเซินถามเธอ ถ้าหากพ่อแท้ ๆ ของเธอปรากฏตัวขึ้น เธอจะรับไหม
ซูอิงตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่รับ”
รับมาทำอะไรล่ะ?
ช่วงเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่พ่อให้เธอมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการด่า การตี สถานะ “พ่อ” สำหรับเด็กสาวหลายคนก็เหมือนต้นไม้สูงตระหง่าน แต่สำหรับเธอคือแส้ที่ฟาดเธออย่างเจ็บปวด ถ้าหากฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย เธออยากจะรัดเขาให้ตายไปด้วยซ้ำ
ความเกลียดแค้นนั้นฝังลึกในกระดูก
ส่วนพ่อแท้ ๆ ของเธอ หลังจากทำให้แม่ท้อง ก็สาบสูญไปจากเมือง
ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้น คิดว่าคงไม่ต่างจากกัวโอว แบบนั้นแล้วทำไมต้องยอมรับเขานะ?
แต่เธอคิดไม่ถึงก็คือ มู่โจวคือพ่อแท้ ๆ ของเธอ!
ซูอิงมองเฮ่อเซินด้วยสายตาเคร่งขรึม “เป็นเขา ใช่ไหม?”
เฮ่อเซินมองตาเธอ แล้วค่อย ๆ พยักหน้า
หึ...
ซูอิงพ่นลมหายใจออกมา เกือบจะยืนนิ่งไม่ไหว
“เสี่ยวซู!” เฮ่อเซินรีบเข้าไปพยุงเธอ ให้เธอนั่งลงบนโซฟา แล้วรินน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง จากนั้นก็พูดปลอบเธอ: “คุณอย่าโมโห ค่อย ๆ ฟังผมพูด...”
เฮ่อเซินเล่าให้ซูอิงฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเล่าอย่างละเอียดมาก รวมทั้งหนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินพวกเขาพบกับมู่โจวและกู้ฟางที่เมืองกั่งได้ยังไง มู่โจวรู้ได้ยังไงว่าเขายังมีลูกสาวอยู่? แล้วตอนนั้นทำไมเขาออกจากเมืองโดยไม่ล่ำลา..ต่าง ๆ นานา เขาบอกเธอทั้งหมด รวมทั้งเรื่องที่มู่โจวป่วยหนักไม่มีทางรักษาให้หายได้ ชีวิตได้มาถึงจุดสิ้นสุด
ซูอิงฟังจบ ก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา และน้ำเสียงก็เย็นชาอย่างมาก “เขารู้ว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว ดังนั้นอยากจะถือโอกาสก่อนที่ตัวเองจะตายรับฉันเป็นลูก เขากลัวว่าป้ายหลุมศพจะไม่มีชื่อลูกหลานรุ่นต่อไปเหรอ? หึหึ เขามีสิทธิ์อะไรที่คิดว่าเขารับฉันเป็นลูก แล้วฉันก็จะรับเขาเป็นพ่อ”
เฮ่อเซินนั่งอยู่ข้าง ๆ ซูอิง น้ำเสียงของเธอเย็นชา แต่เขาสัมผัสได้ว่าเธอตัวสั่น
เธอเจ็บปวด และก็เจ็บปวดมาก
“เสี่ยวซู...” เขาเรียกเธอเบา ๆ ซูอิงกลับหันหน้ามามองเขาอย่างแรง
ซูอิงสีหน้าโกรธเคือง “คุณก็อยากให้ฉันรับเขาใช่ไหม? คุณปิดบังฉันนานขนาดนี้ เพราะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ และเสี่ยวซ่งไว้เรียบร้อยแล้ว พวกคุณสงสารเขา เห็นใจเขาใช่ไหม?”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”
เฮ่อเซินอยากจะอธิบาย จู่ ๆ เฟิงเอ่อร์ก็ร้องไห้ขึ้นมา พี่เลี้ยงได้ยินเสียงร้อง ก็เดินเข้ามาจากห้องข้าง ๆ อุ้มเด็กขึ้น แล้วมองไปทางซูอิง “คุณนายคะ ลูกหิวแล้วค่ะ...”
เฮ่อเซินเห็นเธอหน้าแดงระเรื่อ ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่หน้าซีดขาว ครั้งนี้เธอถลึงตาใส่เขาก็ไม่มีความเย็นชาแบบนั้นแล้ว เขารู้ว่าเธอคลายความโมโหลงนิดหน่อย จิตใจสงบ เขาลูบหน้าของเธอ
เขานั่งเงียบ ๆ อยู่เป็นเพื่อนเธอให้นมลูก จนกระทั่งให้นมลูกจนอิ่ม นอนหลับไป เฮ่อเซินรับเฟิงเอ่อร์มาจากอ้อมแขนของเธอ แล้วให้พี่เลี้ยงดูแล ถึงได้กลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง แล้วนวดแขนที่ปวดเมื่อยให้ซูอิง การให้นมลูกสำหรับแม่นั้น คืองานที่ต้องใช้กำลังอย่างหนึ่ง
ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันบนเตียง เฮ่อเซินนวดแขนให้เธอไปด้วยอธิบายอย่างอ่อนโยนให้เธอฟังไปด้วย “ฉันกับครอบครัวไม่ได้บังคับให้คุณกับอาจารย์มู่รับเป็นพ่อลูกกัน พวกเราสงสารเขา เห็นใจเขา แต่พวกเราสงสารคุณมากกว่า พ่อกับแม่แสดงออกกับผมอย่างชัดเจนว่าขึ้นอยู่กับคุณเป็นหลัก ถ้าคุณอยากรับ พวกเขาสนับสนุน ถ้าคุณไม่อยากรับ พวกเขาก็เข้าใจ สรุปคือไม่ให้คุณลำบากใจ ส่วนทางด้านอาจารย์มู่ เขารู้ดีว่าหลายปีขนาดนี้เขาไม่เคยได้ทำหน้าที่ของพ่อ เขาไม่กล้าคาดหวังว่าคุณจะรับเขาเป็นพ่อ แต่เขาห่วงใยคุณและลูกจริง ๆ จึงขอร้องผม ว่าอยากมาเจอคุณสักครั้ง อยากจะทำหน้าที่พ่อและตาก่อนจะตาย”
ครั้งนี้ซูอิงไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับกำลังทำความเข้าใจกับความจริงนี้อยู่
เฮ่อเซินกอดเธอ คุยกับเธอตลอดช่วงบ่าย เขายังอธิบายความคิดของเขา
“ผมแค่อยากให้คุณรู้ไว้ ตอนนั้นพ่อแท้ ๆ ของคุณไม่ได้ตั้งใจทอดทิ้งคุณกับแม่ เขาไม่รู้การถึงการมีอยู่ของคุณ ตอนที่รู้ก็สายไปแล้ว ผมไม่อยากแก้ต่างอะไรให้เขา เป็นความผิดของพ่อแม่ที่เกิดมาแล้วไม่เลี้ยงดู ผมอยากให้คุณรู้ไว้ พ่อผู้ให้กำเนิดคุณ มู่โจวเขารักคุณที่เป็นลูกสาวคนนี้มาก ๆ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้รักคุณแล้ว”
เฮ่อเซินจูบลงบนหน้าผากของซูอิง แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ที่รัก คุณมีค่าที่จะถูกรัก คุณต้องเชื่อมั่นถึงเรื่องนี้ รู้ไหม?”
ซูอิงซบอกเขา เธอพยักหน้าเบา ๆ
เขาเข้าใจความน้อยเนื้อต่ำใจและความละเอียดอ่อนทั้งหมดของเธอ และก็พยายามที่จะช่วยเธอรักษาทั้งหมดนี้
อันที่จริงเธออยากจะบอกเขา ว่าเธอไม่ต้องการความรักของพ่อที่มาช้าขนาดนี้ เธอมีเพียงเขาก็พอแล้ว
หลังจากมู่โจวได้เจอซูอิงกับลูก ราวกับว่าเชือกเส้นสุดท้ายในร่างกายได้คลายออก คืนนั้นเขาเป็นลมไป หลังจากที่ส่งไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลก็ออกประกาศว่าอาการป่วยอยู่ในขั้นอันตราย
เฮ่อเซินได้รับข้อความในตอนดึก เขามองดูซูอิง ท่าทางเป็นกังวล
“อาจารย์มู่ ท่าทางไม่ค่อยดีแล้ว...”
ซูอิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้น “ไปเถอะ อย่างน้อยก็พ่อลูกกัน ยังไงก็ต้องจบความสัมพันธ์ครั้งนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...