สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 903

ท้องน้อยของหนานซ่งยังคงแบนราบ ตัวเองก็ทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย ดูไม่ออกเลยว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่

ทางด้านยวี่จิ้นเหวินกลับดูออกแล้ว

เขาเหมือนกับหวังผิง อาการหนักมาก หนานซ่งยังไม่เริ่มแพ้ท้อง เขากลับอาเจียนตั้งหลายวันแล้ว

เขารู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนตลอดเวลา

“นายกังวลอะไร?”

หนานซ่งมองดูใบหน้าซีดเซียวและวิตกกังวลของยวี่จิ้นเหวิน เธออยากจะชี้แนะเขา

ยวี่จิ้นเหวินพูด: “เป็นพ่อคนครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์...”

หนานซ่งพูดในใจ: ใครไม่ได้เป็นแม่คนครั้งแรกบ้าง?

โชคดีที่ในบ้านไม่ได้มีเธอที่ตั้งครรภ์อยู่คนเดียว ยังมีเสี่ยวเหวิน แล้วก็มีพี่สะใภ้สามที่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้พวกเธอ ตอนนี้เธอกับเสี่ยวเหวินเหมือนกับนักเรียนที่รักการเรียนสองคน ตามติดถามนู่นถามนี่ แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการตั้งครรภ์กับซูอิงทุกวัน

ยวี่จิ้นเหวินกับหวังผิงก็ขอคำชี้แนะจากเฮ่อเซินถึงเรื่องต่าง ๆ ที่คุณพ่อมือใหม่ต้องระวัง

ทั้งสองคน ต่างคนต่างถือสมุดหนา ๆ อยู่ในมือ ด้านในจดบันทึกความรู้ไว้อย่างแน่นหนา เป็นข้อมูลที่พวกเขาศึกษาเองในช่วงนี้ ตอนนี้เฮ่อเซินพูดไปด้วยพวกเขาก็จดบันทึกไปด้วย สีหน้าจริงจังและความอยากรู้อยากเห็น หากใครไม่รู้คงนึกว่าพวกเขากำลังประชุมสำคัญกันอยู่

หนานหนิงซงเห็นพวกเขาพูดคุยกันอย่างคึกคัก เขาจึงยกกาน้ำชามาเข้าร่วม

เฮ่อเซินพูด: “ช่วงที่ผู้หญิงตั้งครรภ์อันที่จริงพวกเราช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย อย่างเดียวที่สามารถทำได้ก็คืออยู่เคียงข้าง แล้วก็อย่าเพิ่มความรำคาญใจให้กับพวกเธอ พวกเธอต้องการอะไรก็รับปากพวกเธอ ที่บ้านเตรียมของอร่อยไว้เยอะหน่อย ช่วงตั้งครรภ์รสนิยมเปลี่ยนไปหลากหลาย ตอนแรกชอบกินเปรี้ยว ไม่แน่ผ่านไปครู่หนึ่งก็อาจจะชอบกินเผ็ด และก็ไม่แน่ว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่งก็กินอะไรไม่ได้เลย ได้กลิ่นอะไรก็อยากจะอาเจียน ต้องรู้จักการปรับตัวไปตามสถานการณ์...”

หวังผิงกับยวี่จิ้นเหวินพยักหน้าแล้วครุ่นคิด ปากกาจดบันทึกเรื่องสำคัญลงบนสมุด

ยวี่จิ้นเหวินจดไปด้วยถามไปด้วย “เตรียมอะไรถึงจะดีนะ? ตัวอย่างเช่น”

“ขอเพียงอร่อย ก็เตรียมไว้หน่อยแล้วกัน”

เฮ่อเซินนึกย้อนถึงประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน เขายังจำได้ จึงพูดขึ้น: “ฉันจำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่งเสี่ยวซูอยากกินไอศกรีม พอดีกับที่ไอศกรีมแท่งสุดท้ายถูกฉันกินไปแล้วในตอนบ่าย เธอเปิดตู้เย็นไม่เห็นไอศกรีม ฉันบอกว่าฉันกินไปแล้ว จากนั้นสายตาที่เธอมองฉัน รู้สึกเหมือนวินาทีต่อมาเธอจะกินฉันแล้ว...”

คิดถึงสายตานั้น เฮ่อเซินกลืนน้ำลายด้วยความใจเสียวไม่หาย

ยวี่จิ้นเหวินกับหวังผิงฟังแล้ว ก็พากันเงยหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงวิกฤตหนัก จากนั้นก็ก้มหน้าเขียนลงในสมุดว่า “ไอศกรีม” ยวี่จิ้นเหวินเขียนเครื่องหมายตกใจไว้ด้านหลัง ส่วนหวังผิงขีดเส้นใต้สองเส้นเพิ่มลงไป

หนานหนิงซงก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตแล้วพูดขึ้น: “ของลูกยังดีหน่อย ไอศกรีมสามารถซื้อได้ในทันที แม่ของลูก ดึก ๆ ดื่น ๆ นึกประหลาด เตะพ่อขึ้นจากเตียง เธอเกิดอยากกินเต้าหู้เหม็นขึ้นมา ตีสามหัวรุ่ง พ่อจะไปซื้อเต้าหู้เหม็นที่ไหนให้เธอล่ะ? เธออยากจะกิน ถ้าไม่ได้กินก็จะกัดพ่อ ไม่มีทางเลือก กลางดึกพ่อวิ่งแจ้นออกไปซื้อให้เธอ แต่หาซื้อไม่ได้จริง ๆ ก็เลยซื้อเต้าหู้กลับมาก้อนหนึ่ง จะลงมือทำเอง กว่าจะทอดออกมาได้ เธอกลับบอกว่าไม่กินแล้ว ได้กลิ่นแล้วอยากอ้วก จากนั้นก็มองพ่ออย่างน่าสงสาร แล้วบอกว่าอยากกินช่วนช่วน”

ยวี่จิ้นเหวินกับหวังผิงได้ยินแบบนี้ พวกเขามุมปากกระตุกพร้อมกัน

ทั้งสองมองตากัน ยวี่จิ้นเหวินพูดแนะนำ: “ไม่งั้นผมจ้างเชฟทำอาหารว่างมาที่บ้านดีไหม?”

หวังผิงพยักหน้า “ฉันคิดว่าได้นะ”

เดิมทียวี่จิ้นเหวินคิดว่าตัวเองเรียนทำเองก็ได้ แต่เมื่อได้ฟังพ่อตากับพี่สามพูดแบบนี้ บางทีความเร็วในการเรียนทำอาหารคงตามไม่ทันความเร็วในการเปลี่ยนรสชาติของภรรยา เชิญพ่อครัวใหญ่มาที่บ้าน อุ่นใจกว่า

เฮ่อเซินพูด: “ตอนนี้ฉันก็ยังเรียนรู้อยู่ ช่วงตั้งครรภ์ ช่วงอยู่เดือนเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงอ่อนแอและอ่อนไหวมากที่สุด พวกเธอไม่ใช่แค่ต้องต่อสู้กับร่างกาย แถมยังต้องต่อสู้กับสภาพจิตใจ ช่วงเวลานี้พวกเราจะอืดอาดไม่ได้ จะต้องตื่นตัวหน่อย ไม่อย่างงั้นจะถูกอาฆาตเอาง่าย ๆ แล้วก็ยากที่จะแก้ตัวไปตลอดชีวิต”

เขาเรียนรู้มาเยอะมาก และก็ได้ฟังบทเรียนมากมาย ในที่สุดก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่น

“ไม่สน ยังไงฉันก็จะเป็นพ่อบุญธรรม!”

ยวี่จิ้นเหวินพูด: “พ่อบุญธรรมอะไร ลูกฉันมีฉันเป็นพ่อคนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องการพ่อเยอะแยะขนาดนั้น”

“นายลำพองใจให้น้อย ๆ หน่อย”

ฟู่ยวี่ไม่ให้ยวี่จิ้นเหวินลำพองใจ ตัวเองกลับลำพองใจขึ้นมา เขาเชิดหน้าพูด: “ฉันบอกพวกนายไว้ ครั้งนี้ที่ฉันมาเหมยซูหลี่ไม่ได้มาเปล่า ๆ คุณย่าซูชอบฉันมาก แทบรอไม่ไหวที่จะยกยินยินให้ฉัน”

“นายคุยโวโอ้อวดอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”

ซูยินปรากฏตัวพอดี จากนั้นก็โบกมือไปที่หน้าจอให้ยวี่จิ้นเหวินและหนานซ่ง เธอเหลือบตามองฟู่ยวี่ “คุณอาอย่าไปฟังเขาขี้โม้ ตอนนี้ทวดย่าจำคนไม่ได้แล้ว หนูบอกเธอไปหลายรอบแล้ว แต่เธอก็จำชื่อ ‘ฟู่ยวี่’ ไม่ได้ หนูบอกว่า ‘โชคลาภ’ เธอกลับจำได้ เพราะเมื่อก่อนทวดเคยเลี้ยงสุนัขชิบะตัวหนึ่ง มันก็ชื่อ ‘โชคลาภ’”

หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินอดหัวเราะไม่ได้ “นี่คือเห็นแก่นแท้ของนายว่าหมามาก ๆ”

ฟู่ยวี่กลับไม่สนใจ เขาโอบคอซูยิน “หมาก็หมาเหอะ คุณย่าจำฉันได้ก็พอแล้ว”

จากนั้นก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยสองสามประโยค ฟู่ยวี่บอกว่ารออีกสองวันจะไปเมืองหนานเพื่อดูลูกบุญธรรมผ่านท้องของหนานซ่งล่วงหน้า

เมื่อวางสาย ฟู่ยวี่ทำปากจู๋มองซูยินอย่างน่าสงสาร

ซูยินมองเขาอย่างระแวง “ทำอะไร?”

ฟู่ยวี่ประคองหน้าของเธอ แล้วถามอย่างปรารถนา: “ขอถามคุณหนูซูหน่อยครับ ลูกสาวฟู่ของผมเมื่อไหร่จะมาถึง?”

เขารอช่วงเวลาแห่งความสุขไม่ไหวแล้วจริง ๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา