เนื่องจากเวลานี้ร้านอาหารส่วนใหญ่พากันปิดหมดแล้ว ดังนั้นร้านที่เลือกกินจึงเป็นร้านข้างทาง
ที่นี่ทั้งสะอาดและอร่อย ก่อนหน้านี้เพ้ยซานซานกับพนักงานในสตูดิโอเคยมากินที่นี่ด้วยกันบ่อยๆ จนสนิทกันแล้ว
หลังจากสั่งอาหารเสร็จไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของหร่วนซิงหว่านก็ดังขึ้นมา เป็นเบอร์ที่โทรมาจากโจวฉือเซิน
หร่วนซิงหว่านจึงลุกเดินไปรับโทรศัพท์อีกด้าน "ฮัลโหล"
เสียงที่ดังตามมาในสาย ยังมีเสียงรถราที่วิ่งผ่านไปมา
โจวฉือเซินที่ถือสายอยู่นิ่งไปสักพักแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ได้อยู่บ้าน?"
"วันนี้เสี่ยวเฉินกับสวี่วานมีอัดรายการ พวกฉันไปรอพวกเขาจนถ่ายทำเสร็จเลยออกมากินข้าวกัน"
"แล้วถ่ายเสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้ว มาถึงที่ร้านแล้ว"
โจวฉือเซินเอ่ยขึ้นมาว่า "ส่งโลเคชั่นมาให้หน่อย"
หร่วนซิงหว่านเอ่ยถาม "คุณเลิกงานแล้วเหรอ"
โจวฉือเซินตอบอืม แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า "ผมจะไปรับคุณ"
มุมปากของหร่วนซิงหว่านยกขึ้น "ได้"
หลังจากวางสาย เธอก็ส่งโลเคชั่นไปให้โจวฉือเซิน แล้วหันหลังเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
หร่วนซิงหว่านเห็นเจียงชูหนิงหาวออกมาติดๆกัน จึงหันไปถามเพ้ยซานซานว่า "เมื่อไหร่สวี่วานกับเสี่ยวเฉินจะมา?"
"เมื่อกี้เพิ่งโทรไปถาม เห็นบอกว่าประมาณสิบนาที ข้าวมาเสิร์ฟ พวกนั้นน่าจะมาถึงพอดี"
หร่วนซิงหว่านพยักหน้า หันไปพูดกับเจียงชูหนิงว่า "ถ้าแกง่วงจริงๆ ไปนอนในรถก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันเก็บข้าวที่สั่งไว้ให้"
เจียงชูหนิงขยี้ตา "ไม่ล่ะ ได้กินของอร่อยก็น่าจะหายง่วงแล้ว"
เพ้ยซานซานที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดยิ้มๆว่า "ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆที่หลับง่ายแบบนี้ ครั้งหนึ่ง ฉันก็เคยเป็นเหมือนแกนี่แหละ แค่หลับตาก็นอนหลับไปเลย"
เจียงชูหนิงเอ่ยถามอย่างข้องใจ "หลับตามันก็ต้องนอนหลับอยู่แล้วสิ ทำไมจะไม่หลับล่ะ?"
"รอแกโตขึ้นอีกนิด แล้วแกจะเข้าใจคำว่านอนไม่หลับมันเป็นยังไง"
ด้วยอายุและการนอนของเจียงชูหนิงในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าน่าจะยังไม่เคยมีประสบการณ์จริง
เพ้ยซานซานเอ่ยถามหร่วนซิงหว่านว่า "เมื่อกี้ใครโทรมาหาแก? ประธานโจวเหรอ?"
"ใช่ อีกสักพักเขาน่าจะมา"
"ประธานโจวทำงานอยู่นี่ จะเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ"
หร่วนซิงหว่านเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ "น่าจะใกล้แล้วล่ะ"
ผ่านไปสิบนาที สวี่วานกับหร่วนเฉินก็มาถึง เนื้อย่างที่พวกเขาสั่งก็มาเสิร์ฟพอดี
เพ้ยซานซานมองมาทางสวี่วาน ถอนหายใจแล้วพูดว่า "ทำไมอานหญ่าถิงได้มาอัดรายการเดียวกับแกล่ะ?"
เธอพูดพร้อมกับหยิบนามบัตรออกมา "เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อนฉันเปิดร้านอาหารอยู่แถวๆนี้ เธอถือไอ้นี้ไปด้วย แล้วบอกว่าฉันให้พวกเธอมา มื้อนี้เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ถึงยังไงก็อยู่วงการเดียวกันมาหลายปี ก็เหมือนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันทั้งนั้น"
สวี่วานเอ่ยพูดนิ่งๆโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า "ฉันไม่เห็นจำได้ว่าไปเป็นเพื่อนเธอตอนไหน"
อานหญ่าถิงไม่ได้โกรธ เพียงแค่ป้องปากหัวเราะออกมา "เรื่องตั้งหลายปี เธอยังจะจำได้อยู่อีกเหรอ? เธอเองก็รู้ คนอย่างฉัน ไม่ยอมให้มีแม้แต่ทรายเม็ดเดียวอยู่ในสายตา โดยเฉพาะคนที่ทำลายครอบครัวคนอื่น เพราะงั้นตอนนั้นก็เลยอารมณ์ขึ้นนิดหน่อย ที่เธอเลือกแบบนี้ ฉันเองก็เข้าใจ เราพยายามแทบเป็นแทบตายก็เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ แน่นอนว่าถ้ามีทางลัดมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรใช้พรสวรรค์ด้วยไม่ใช่หรือไง?"
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา เดิมทีอานหญ่าถิงคิดว่าจะทำให้สวี่วานเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนๆและหร่วนเฉิน แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตากิน ไม่มีใครสนใจที่เธอพูดเลย
รอยยิ้มของเธอพลันหดหายไป มองมาที่สวี่วานแล้วพูดต่อว่า "ฉันหวังดีนะถึงได้พูดกับเธอแบบนี้ เหตุผลที่เธออวดดี ไม่เห็นหัวใครแบบนี้ ก็เพราะว่ามีประธานโจวคอยดันหลังไม่ใช่เหรอ? ประธานโจวกับภรรยายังรักกันดี เขาจะมาสนใจเธอได้ยังไง แนะนำว่าให้เธอรีบๆตัดใจหน่อยก็ดี อย่าเอาแต่คิดจะทำลายครอบครัวคนอื่นเขา"
หัวคิ้วของหร่วนเฉินขมวดมุ่น ในตอนที่กำลังจะลุกขึ้น ก็ถูกสวี่วานจับแขนเอาไว้
หร่วนซิงหว่านเงยหน้ามองอานหญ่าถิง "คุณไม่รู้เหรอว่าแค่คำพูดก็สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้"
อานหญ่าถิงแสยะยิ้มออกมา "ฉันก็ไม่ได้พูดลอยๆสักหน่อย คนในวงการใครไม่รู้บ้างว่าสวี่วานมีวันนี้ได้เพราะบารมีของโจวซื่อกรุ๊ป ทีคนอื่นโจวซื่อกรุ๊ปไม่เห็นดันแบบนี้บ้างล่ะ ทำไมดันเธอแค่คนเดียว? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเล่นสกปรก อีกอย่างโจวซื่อกรุ๊ปมีดาราสวยๆตั้งมากมาย แต่มีเธอไปได้สวยแค่คนเดียว แบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นคนที่ประธานโจวถูกใจที่สุดเหรอ"
เพ้ยซานซายพูดสวนว่า "ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูด ประธานโจวก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ ถ้าจะใช้เงินดันใคร ก็ต้องเป็นคนที่ทั้งสวยทั้งมีความสามารถและขยัน หรือว่าจะให้ดันคนที่ทั้งขี้เหร่ พูดจาไม่มีมารยาท แถมยังมีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างเธอล่ะ?"
สีหน้าของอานหญ่าถิงพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมาทันที "นี่เธอพูดอะไรของเธอ!"
"ฉันพูดอะไรเธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะ แต่ถ้าเธอยังอยากได้ยิน ฉันพูดอีกหลายๆครั้งได้นะ ฉาวโฉ่ๆๆ!"
เจียงชูหนิงที่อยู่ข้างๆเห็นเพ้ยซานซานพูดออกมาอย่างฮึกเหิม ก็ฮึกเหิมตามอย่างไม่อยากยอมแพ้ แต่เธอไม่เคยด่าใครมาก่อน จึงอึกๆอักๆอยู่นาน สุดท้ายก็พูดตามออกไปว่า "ฉะ...ฉาวโฉ่!"
อานหญ่าถิงโกรธไม่ไหว สบถด่าออกมาเสียงดังว่า "ประสาทเสีย!ประสาทเสียกันทั้งกลุ่ม ธรรมชาติก็ช่างคัดสรรจริงๆ คอยดูเอาเถอะ ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของประธานโจวไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ ถ้าภรรยาเขารู้ว่าเธอกับประธานโจวเป็นชู้กัน ชีวิตดีๆของเธอได้จบลงแน่!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...