"ผมเป็นชู้กับใครนะ?"
คำพูดของอานหญ่าถิงออกไปได้ไม่ทันไร เสียงเรียบนิ่งของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังมาจากข้างหลัง
เธอนิ่งค้างไปในทันที หยุดอยู่ชั่วครู่แล้วถึงได้หันไปมอง ท่าทางจองหองพลันหดเล็กลง เมื่อเห็นผู้ชายตรงหน้า ก็พูดอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า "ประ...ประธานโจว......"
โจวฉือเซินยืนอยู่ตรงนั้น มองมาด้วยสายตานิ่งลึก "ไหนพูดมาซิ ผมเป็นชู้กับใคร?"
คำพูดเมื่อสักครู่ อานหญ่าถิงกล้าพูดต่อหน้าสวี่วาน แต่ไม่ว่าเธอจะใจกล้าแค่ไน ก็ไม่กล้าพูดมันต่อหน้าโจวฉือเซิน
หน้าของเธอเดี๋ยวซีดเดี๋ยวคล้ำ มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "ฉันก็แค่......ล้อสวี่วานเล่น หลายคนก็พูดอย่างนี้......"
โจวฉือเซินย้อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ล้อเล่น? หลายคน?"
อานหญ่าถิงรู้สึกได้ถึงลมเย็นๆพัดวูบผ่านไป แผ่นหลังเย็นชื้นไปหมด
เธอพยายามผลักความผิดให้พ้นตัวอย่างอึกๆอักๆ "ฉันไม่รู้ว่าได้ยินมาจากไหน คือบางทีก็มีคนพูด......แต่ว่าฉันเชื่อสวี่วานกับประธานโจวอยู่แล้ว"
"เพราะงั้นคุณเลยอาศัยคำว่าได้ยินคนอื่นพูดมา พูดจามั่วซั่วต่อหน้าภรรยาผมแบบนี้น่ะเหรอ?"
เมื่ออานหญ่าถิงได้ยินโทนเสียงเย็นๆของเขาที่พูดออกมาทีละคำ ริมฝีปากก็ซีดแทบกลายเป็นสีม่วง รีบอธิบายขึ้นมาว่า "ประธานโจวฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ...ก็แค่ล้อเล่น...ไม่สิ...ฉันไม่ควรฟังคำคนอื่น ไม่ควรปากไว...แต่ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ......"
โจวฉือเซินเหลือบมองเธอ "ช่วงนี้บอสของพวกคุณมาติดต่อขอร่วมงานกับผม ผมว่าตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ"
อานหญ่าถิงหน้าถอดสี แม้ว่าสองปีที่ผ่านมาเธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาก และบริษัทยอมลงทุนกับเธอ หาแหล่งทรัพยากรต่างๆให้เธอ แต่ถ้าบริษัทต้องเสียคู่ค้ารายใหญ่อย่างโจวซื่อกรุ๊ปไปเพราะเธอเป็นสาเหตุ บอสคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ
"ประธานโจว......"
โจวฉือเซินเอ่ยเตือนอย่างพยายามอดทน ริมฝีปากบางแยกออกจากกัน พ่นคำพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า "ไปซะ"
อานหญ่าถิงไม่กล้าอยู่ต่อ กลัวว่ายิ่งพูดออกมาก็ยิ่งผิด รีบหันหลังไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างๆ เอ่ยพูดกับคนขับรถว่า "รีบไปสิ!"
รอจนรถขับออกมาไกล อานหญ่าถิงถึงได้สงบลง ต่อมาจึงเริ่มรู้ตัว ว่าเมื่อสักครู่โจวฉือเซินพูดว่า "พูดจามั่วซั่วต่อหน้าภรรยาผม"
สีหน้าของอานหญ่าถิงดูไม่ได้มากกว่าเดิม เธอรีบควักโทรศัพท์ออกมา เสิร์ชหาคำค้นสำคัญๆเกี่ยวกับภรรยาของโจวฉือเซิน
ในบรรดารูปภาพที่เด้งขึ้นมา อานหญ่าถิงเจอเข้ากับรูปจูบกลางสายฝนที่เคยขึ้นอันดับการค้นหาร้อนแรง แต่ว่าในรูปเห็นแค่หน้าด้านข้างของหร่วนซิงหว่าน
เธอกดเปิดดูรูป แล้วซูมเข้าซูมออก สุดท้ายโทรศัพท์ก็ร่วงลงบนเบาะ
ผู้หญิงในรูป คือหนึ่งในแก็งเพื่อนที่มาหาสวี่วานเมื่อเที่ยงนี้
ส่วนเธอก็เหมือนคนโง่ ที่พูดคำเหล่านั้นออกมาต่อหน้าพวกเขา ไม่แน่สวี่วานอาจจะหัวเราะเยาะเธอในใจไปแล้วก็ได้
อานหญ่าถิงกดออกจากหน้าข่าว แล้วกัดฟันกรอด
ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรหาใครบางคน
เธอจะนั่งอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรไม่ได้
......
อีกด้าน หลังจากที่อานหญ่าถิงกลับไป สวี่วาน เพ้ยซานซานและเจียงชูหนิงต่างพากันมองมาที่โจวฉือเซินอย่างอึ้งๆ เพราะตกใจกลัวไอเย็นๆและความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
โจวฉือเซินกวาดตามองพวกเธอ "มองอะไร"
ทุกคนต่างหลบตาอย่างไม่ได้นัดหมาย ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
หร่วนซิงหว่านรู้ว่าเขาไม่ชอบกินของพวกนี้ จึงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า "คุณไปรอฉันที่รถเถอะ พวกฉันอาจจะอีกสักพัก"
โจวฉือเซินก้าวเดินยาวๆไปยืนอยู่ข้างเธอ "ผมยังไม่ได้กินข้าว"
"แล้วคุณ......งั้นฉันสั่งบัวลอยข้าวหมากให้คุณก็แล้วกัน"
"อืม"
หร่วนซิงหว่านหันไปมองคนอื่นๆ "มีใครจะเอาด้วยไหม?"
เจียงชูหนิงยกมือขึ้น "ฉันๆเอา ยังไม่เคยลองกินไอ้นี้เลย"
หร่วนซิงหว่านตอบรับว่า "ได้"
หร่วนซิงหว่านขำออกมาเบาๆ แล้วก้มหน้ากินต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้
เนื่องจากพรุ่งนี้ยังมีการถ่ายทำ พวกเขาจึงไม่ได้อยู่กินนาน ประมาณชั่วโมงกว่า ก็เตรียมตัวกลับ
หร่วนซิงหว่านเอ่ยถามหร่วนเฉินว่า "ตอนนี้แกพักอยู่ที่ไหน?"
"เช่าห้องอยู่"
เธอพยักหน้า แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า "งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เสี่ยวเฉินแกขับรถฉันไปส่งสวี่วาน"
สวี่วานโบกมือ "ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้"
เพ้ยซานซานที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดขึ้นมาว่า "ได้ยังไงกัน ดึกขนาดนี้ คนขับรถแกก็ไม่อยู่ ฉันว่าให้เสี่ยวเฉินไปส่งแกเถอะ"
"พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายทำนะ เทียวไปเทียวมาอย่างนี้ มันจะเสียเวลาเปล่าๆ"
หร่วนเฉินแย่งกุญแจรถมาจากมือของหร่วนซิงหว่าน "ห้องผมไปทางเดียวกันกับบ้านพี่พอดี ติดรถไปได้"
สวี่วานชะงักนิ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะ
เพ้ยซานซานผลักเธอ "ได้ยินหรือยัง ติดรถไปได้ ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก ไปเถอะ"
ในสถานการณ์อย่างนี้ สวี่วานเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ถ้ายังปฏิเสธอีกก็คงดูเป็นการเล่นตัว เธอจึงหันไปโบกมือให้พวกหร่วนซิงหว่าน "งั้นพวกฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย"
เมื่อเห็นพวกนั้นไปแล้ว หร่วนซิงหว่านก็พูดขึ้นมาว่า "พวกเราก็ไปกันเถอะ"
ระหว่างทางกลับ เพ้ยซานซานกับเจียงชูหนิงนั่งอยู่เบาะหลัง เพิ่งเคยได้รับสิทธิพิเศษที่โจวฉือเซินเป็นคนขับรถให้ในครั้งแรก ในความอึดอัดก็ยังแอบตื่นเต้นและดีใจอยู่เนืองๆ
พูดให้ใครฟังคงรู้สึกมีหน้ามีตา โอ้อวดไปอีกสิบปีก็ไม่มีเบื่อ
กลางคืนรถไม่ติด ใช้เวลาประมาณสิบนาที รถก็ขับมาจอดใต้ตึก
หลังจากที่ลงจากรถ เพ้ยซานซานก็ลากเจียงชูหนิงเดินออกไปด้วยกัน เพื่อให้คู่รักได้สร้างโลกอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...