สามีพันล้าน รักฉันให้มีสติหน่อย นิยาย บท 94

เซี่ยซีหวั่นไม่อยู่แล้ว

ลู่หานถิงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความสะลึมสะลือเมื่อกี้หายไปจนหมด ความทรงจำเมื่อคืน ค่อย ๆ เข้ามาสู่หัวสมองของเขา

เมื่อคืนอาการของเขากำเริบ จากนั้นก็โยนตัวเธอลงบนเตียง

ความหอมหวานในเลือดของเธอรวมทั้งกลิ่นหอมของเด็กสาวราวกับเป็นต้นฝิ่น ทำให้เขาลุ่มหลงและเสพติด สุดท้ายเขากดริมฝีปากของเธอไว้……

ลู่หานถิงลุกขึ้นมานั่งลงทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วลงจากเตียงไป เขามองหาในห้องนอนที่กว้างใหญ่ ในห้องเปลี่ยนเสื้อ ในห้องน้ำ……แต่ก็หาเงาของเธอไม่เจอแล้ว

“หวั่นหวั่น……”

เธอไปแล้วเหรอ?

เธอน่าจะไปแล้ว

เมื่อคืนเขาจำไม่ได้แล้วว่าทำให้เธอเป็นแผลไปมากเท่าไหร่ สุดท้ายเขายังทำเรื่องที่น่ารังเกียจขนาดนั้นไป ตัวเองที่โหดเหี้ยมและดุร้าย ชั่วร้ายและกระหายเลือดทำให้เขายังรู้สึกรังเกียจและหวาดกลัว ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเธอเลย?

เมื่อคืน เธอจะต้องบาดเจ็บไปมากแน่ จะต้องหวาดกลัวมากแน่ เพราะฉะนั้น เธอถึงได้จากไปเลย

ต่อไปนี้ เธอจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม?

ลู่หานถิงเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วค้นหาเบอร์เซี่ยซีหวั่นออกมา เขาอยากโทรออกไป แต่สุดท้ายนิ้วมือก็ไม่ได้กดโทรออกไป

……

ลู่หานถิงอาบน้ำเย็นไปรอบหนึ่ง แล้วก็ลงมาชั้นล่าง นายหญิงลู่ก็รีบเข้ามาหา “หานถิง วันนี้แกตื่นสายมากเลยนะ ทำไมหวั่นหวั่นถึงได้ออกไปเช้าขนาดนั้นล่ะ ป้าอู๋บอกว่า หวั่นหวั่นเหมือนจะออกไปตั้งแต่ตีห้ารุ่งเช้าแล้ว พวกแกทะเลาะกันเหรอ?”

ลู่หานถิงเม้มปากบางไปทีหนึ่ง “คุณย่าครับ พวกเราไม่ได้ทะเลาะกันครับ”

“งั้นก็ดีแล้ว เด็กสาวยังไงก็ต้องเอาอกเอาใจสักหน่อย และที่สำคัญหวั่นหวั่นก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังซะขนาดนี้ เอาใจง่ายจะตายไป อีกเดี๋ยวแกโทรหาเธอสักหน่อย พาเธอออกไปดินเนอร์ใต้เสียงเทียนสักมื้อ”

เธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังมากจริง ๆ……

เพราะฉะนั้น จึงเอาใจง่าย หลอกง่าย

ในดวงตาที่หล่อเหลาของลู่หานถิงมีแววอ่อนโยนและรักใครปรากฏออกมาหลายส่วน “คุณย่าครับ ผมคิดว่าผมจะไม่โทรหาหวั่นหวั่นหรอกครับ”

นายหญิงลู่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ทำไมล่ะ?”

“ตอนที่ยังไม่เจอกับหวั่นหวั่น ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนไม่ปกติ จนมาพบกับหวั่นหวั่นแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ผมจะไม่รู้สึกว่ายังไงผมก็ไม่ใช่คนปกติคนหนึ่ง ถือโอกาสตอนนี้ตอนที่ผมยังพอปล่อยมือได้ ให้เธอไปเถอะครับ ไม่งั้น……”

ไม่งั้นเขากลัวว่าในอนาคตความอยากควบคุมและอยากครอบครองที่เขามีต่อตัวเธอ จะเกินความควบคุมของตัวเองไป แล้วเขาก็จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกัดตัวเธอไว้ข้างกายเขา

เมื่อคืนให้เธอได้เห็นสภาพที่น่าอนาถของตัวเองแบบนั้นไป ต้องขอโทษมากจริง ๆ

เขาไม่อาจตามใจตัวเองได้

ถึงแม้ ถ้าเกิดว่าตอนนี้ต้องสูญเสียไปแม้กระทั่งเธอ งั้นอาการป่วยของเขาก็……

“คุณย่า แค่มีคุณย่าคอยอยู่เคียงข้างผมก็พอแล้ว ผมไปบริษัทก่อนนะครับ” ลู่หานถิงกอดย่าไปทีหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวออกจากบ้านไปเลย

นายหญิงลู่จ้องมองหลานชายตัวเองจากไป แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ ทีหนึ่ง ยังไงเธอก็อายุมากแล้ว ยังอยู่เป็นเพื่อนเขาได้อีกกี่ปี?

การอยู่เคียงข้างของเธอไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าแค่การเคียงข้างของเธอมันยังไม่พอ หานถิงของเธอขาดความรักมาตั้งแต่เด็ก เขาโดดเดี่ยวมาก

เขาต้องการเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มาให้เขารักและรักเขา

นายหญิงลู่รับโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล จาวตี้ เธอโทรศัพท์หาฉันเหรอ?”

หลิ่วจาวตี้ที่อยู่ไกลถึงเมืองตี้ดูยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไร หนูก็ไม่กล้ารบกวนคุณแม่ที่พักผ่อนอยู่ในเมืองไห่หรอกค่ะ คือว่า…….ลูกชายของหนูลู่จื่อเซี่ยนเคยหมั้นหมายกับลูกสาวของเพื่อนเก่าคนหนึ่งไว้ แล้วตอนนี้เห็นว่าจื่อเซี่ยนก็ถึงช่วงอายุที่ควรจะแต่งงานได้แล้ว คุณแม่จะคืนของหมั้นของจื่อเซี่ยนให้กับฉันได้ไหมคะ ถ้าไม่มีของหมั้น พวกเราก็จะหาคู่หมั้นของจื่อเซี่ยนไม่เจอนะคะ……”

นายหญิงลู่เอาตะเกียบที่อยู่ในมือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง “หลิ่วจาวตี้ นี่เธอหมายความว่ายังไง เธอสงสัยว่าฉันเป็นคนขโมยของหมั้นของจื่อเซี่ยนไปเหรอ ความหมายของเธอคือฉันเป็นหัวขโมยงั้นซิ?”

พูดแล้วนายหญิงลู่ก็ส่งสายตาให้ลุงฝูทีหนึ่ง เห็นไหม ต่อไปนี้ไม่ต้องไปขี้ขลาด

ลุงฝูแอบชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้นายหญิงลู่ทีหนึ่ง

“คุณแม่คะ คุณแม่เข้าใจหนูผิดแล้ว ถึงคุณแม่จะยืมความกล้ามาให้หนูสิบเท่า หนูก็ไม่กล้าพูดว่าคุณแม่เป็นหัวขโมยหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า…….” คำพูดของหลิ่วจาวตี้เปลี่ยนไป และแข็งกร้าวขึ้นมาไม่น้อย “หนูได้หาคนมากู้ภาพกล้องวงจรปิดในตอนนั้นกลับมาได้แล้ว ในภาพกล้องวงจรปิดคุณแม่ได้เข้าไปในห้องของจื่อเซี่ยนแล้วเอาของหมั้นไปค่ะ!”

สีหน้าของนายหญิงลู่เปลี่ยนไป ปิดไม่อยู่แล้ว ยังไงก็ปิดไม่อยู่แล้ว

และแล้วลุงฝูก็ได้เห็นละครเปลี่ยนหน้าฉากใหญ่ด้วยตาตัวเอง “จาวตี้อ่า เธอดูซิ นี่มันเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น ฉันไม่ได้เป็นขโมย ฉันไม่ได้เอาของหมั้นของจื่อเซี่ยนไป เธอเอาโทรศัพท์ให้ลูกชายฉันเลย คนเป็นแม่อย่างฉันมีชีวิตที่ยากลำบาก ฉันแก่แล้วก็ไม่ได้ให้พวกเธอมาดูแลปรนนิบัติ ตัวเองมามีชีวิตบั้นปลายอยู่ที่เมืองไห่คนเดียว แต่พวกเธอก็ยังตามมารังแกถึงที่อีก หรือไม่ ฉันตายไปซะตั้งแต่วันนี้เลยเป็นไง ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”

พอหลิ่วจาวตี้ที่อยู่ทางโน้นเห็นนายหญิงลู่เอาแต่ร้องไห้โวยวายบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย ก็รีบวางสายไปเลย “คุณแม่คะ คุณแม่คิดซะว่าหนูไม่ได้พูดอะไรเลยก็แล้วกัน ลาก่อนนะคะ”

พอได้ยินเสียง“ตุ๊ด ๆ”ดังลอยมา นายหญิงลู่ก็เงียบลงไปทันที แล้วเธอก็โยนโทรศัพท์บ้านคืนให้ลุงฝูที่มองตาค้างอยู่ “มัวแต่ดูอะไร อย่างฉันนี่เรียกว่ารู้จักวางแผน ยืดได้งอได้ ดูหลิ่วจาวตี้นั่นสุดท้ายก็ถูกฉันทำให้ตกใจจนหนีไปได้ใช่ไหม?”

ลุงฝู “……”

นายหญิงลู่กินโจ๊กข้าวฟ่างต่อไป จื่อเซี่ยนเป็นน้องชายของหานถิง หลิ่วจาวตี้ก็คือแม่เลี้ยงของหานถิง ของหมั้นนั่นเธอเป็นคนเอามาเอง แต่เธอคืนกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าของหมั้นนั่นถูกเอาไปใช้แล้ว

เซี่ยซีหวั่นก็คือลูกสาวของเพื่อนเก่าของตระกูลลู่ และเป็นว่าที่คู่หมั้นของลู่จื่อเซี่ยนคุณชายรองของตระกูลลู่

แต่ว่า ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของลู่หานถิงไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีพันล้าน รักฉันให้มีสติหน่อย