บทที่483 โห้หลีเฉินเหรอ
มาถึงที่ทะเลสาบแหย่หู เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยปูผ้าปูสำหรับทุ่งหญ้าที่เตรียมมาให้เรียบร้อย แล้วก็จัดวางของกิน
เย้นโม่หลินกับกู้ซึงได้ไปเช่าเรือส่วนตัวมาเรียบร้อยแล้ว
เรือลำนั้นเป็นเรือประมงที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ใช้พายเรือเล่น ดูสบายๆ และสวยงาม
ทะเลสาบนี้ใหญ่มาก การพายเรือเล่นดูเป็นการผ่อนคลายที่ดี
เย้นหว่านเองก็ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร ทั้งสี่คนก็จะขึ้นเรือไปพร้อมกัน
เรือลำน้อยไม่มั่นคงเท่าไหร่ เย้นหว่านพึ่งจะก้าวขึ้นไปก็ยังยืนไม่ค่อยมั่นคง
เธอจะจับกู้จื่อเฟยไว้ แต่ว่ากู้ซึงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็รีบจับมือของเธอไว้อย่างตาไว ทำให้เธอยืนนิ่งๆ ได้
การสัมผัสจากชายแปลกหน้าทำให้เย้นหว่านอึ้งไป แล้วก็รีบดึงมือกลับอย่างลุกลี้ลุกลน
กู้ซึงยืนอยู่ข้างๆ เธอ แล้วก็พูดอย่างยากเย็น “ขอพูดให้ชัดเจนหน่อยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบเธอนะ แต่แค่ทำให้พี่ชายเธอเห็นเฉยๆ ”
เย้นหว่านก็รู้ว่ามันเป็นการแสดง แค่รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเท่านั้นเอง
แก้มของเธอเริ่มแดง “ฉันรู้แล้ว”
พอพูดจบ ก็หาที่นั่งบนเรือ
กู้ซึงก็ตามไปนั่งข้างๆ เย้นหว่านเหมือนกัน
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันจริงๆ
ดูเหมือนว่าสนิทสนมกัน แต่ก็ห่างเหิน
เย้นโม่หลินนั่งลงตรงข้ามกับพวกเขา มองดูทั้งสองคนที่ดูเข้ากันไม่ได้ค่อยได้ เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ
การที่พวกเขาอยู่ร่วมกันหลายวันนี้ ยิ่งดูยิ่งไม่เหมือนคู่รักกัน แต่ว่าร่องรอยของการกระทำที่ดูภายนอกนั้น กลับทำให้เขาดูไม่ออกว่าสรุปแล้วมันเป็นเพราะว่าอะไรกันแน่
เย้นโม่หลินรู้สึกว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเจอเรื่องที่เขาไม่รู้ต้นสายปลายเหตุมาก่อน
สายตาของกู้จื่อเฟยตกไปอยู่ที่เย้นโม่หลินโดยไม่รู้ตัว เธอสนใจเขาอย่างมาก แม้แต่ความสงสัยที่เขาซ่อนไว้ในดวงตาของเขา เธอก็รับรู้เหมือนกัน
เธอคือคนที่รู้ต้นสายปลายเหตุของทุกอย่าง ก็รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย
เธอเองก็รู้ว่าเย้นหว่านกับกู้ซึงไม่ได้มีความรู้สึกต่อกันจริงๆ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่ว่าจะแสดงยังไง ก็แสดงไม่เหมือนว่าสนิทสนมและกุ๊กกิ๊กกันจริงๆ หรอก
เรือนี้ก็โคลงเคลงไปมา ทำให้ตัวติดกันได้ง่ายมาก คนที่สนิทสนมกันก็จะใช้โอกาสนี้ทำให้ตัวติดกัน คนที่ไม่สนิทกันก็จะรีบแยกออกจากกันทันที
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกเย้นโม่หลินเจอเบาะแสอย่างแน่นอน
พอคิดไปคิดมา กู้จื่อเฟยก็กลอกตาไปมา อาศัยโอกาสตอนที่เรือส่าย แล้วก็เซไปชนเย้นโม่หลินพร้อมกับเสีย “อุ้ย”
เย้นโม่หลินกอดกู้จื่อเฟยไว้อย่างว่องไว
ความอ่อนนุ่มของหญิงสาวโผเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง บวกกับกลิ่นที่หอมหวาน กระตุ้นอวัยวะสัมผัสของเย้นโม่หลิน
หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เขาค่อยๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็มองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่มืดมน “ระวังหน่อย! ”
“ขอโทษด้วยค่ะ เรือมันค่อนข้างส่าย ฉันนั่งนิ่งๆ ไม่ได้เลย”
สีหน้าของกู้จื่อเฟยดูเขินอาย เก้อเขิน แต่ว่าร่างของเธอกับพิงอยู่กับหน้าอกของเย้นโม่หลินเบาๆ เหมือนกับว่าไม่มีแรงจะลุกขึ้นมา
ฝ่ามือของเย้นโม่หลินจับไหล่ของกู้จื่อเฟยไว้ ระหว่างนิ้วของเขานั้น ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน
เขาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม น้ำเสียงแข็งกระด้าง ดูไม่สบอารมณ์ “ค่อยๆ ลุกขึ้น”
“ได้ค่ะ”
กู้จื่อเฟยตอบรับอย่างเขินอาย แล้วก็ค่อยๆ ลงลุกขึ้น
เธอไม่ได้ขยับตัวมากนัก แต่ก็ค่อยๆ พุ่งกลับเข้ามาที่อ้อมแขนของเย้นโม่หลินอีกครั้ง
เย้นโม่หลินประคองเธอ แล้วดวงตาของเขาก็มืดลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เขาสัมผัสกับผู้หญิงแบบนี้น้อยมาก ปกติแล้วเขาจะไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับการสัมผัสที่ใกล้ชิดแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้……
ร่างกายของเขากลับรู้สึกไม่ปกติอย่างแปลกประหลาด
เย้นหว่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองดูภาพที่กู้จื่อเฟยล้มลงที่อ้อมแขนของเย้นโม่หลิน ก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก เพื่อซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้
เธอก็คือเพื่อนสนิทของกู้จื่อเฟย รู้ไส้รู้พุงของเธอหมด แน่นอนว่าเธอต้องรู้อยู่แล้วว่า การที่นั่งไม่นิ่งแบบนี้คือเธอกำลังแสดงอยู่
กู้จื่อเฟยก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง เธออ่อนแอขนาดนี้ที่ไหนกัน?
น่าสงสารที่พี่ชายของเธอไม่รู้อะไรเลย เขาพยายามช่วยกู้จื่อเฟยด้วยสีหน้าที่ดูอึดอัด ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกหลอก
กู้ซึงเห็นว่าเย้นโม่หลินถูกดึงดูดความสนใจไปแล้ว ก็มองไปยังป่าริมฝั่งอย่างเนียนๆ แล้วก็รีบขยับก้นของตัวเอง รักษาระยะห่างจากเย้นหว่าน
รักษาระยะห่าง เพื่อความปลอดภัย
เพื่อเธอเลยนะ~
เย้นหว่านเห็นท่าทางมีความสุขของกู้จื่อเฟย ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
ผู้หญิงตัวน้อยที่กำลังมีความรัก ก็มักจะพอใจกับอะไรง่ายๆ
แต่ว่าน่าเสียดายที่เธอยังอยากล่องเรืออยู่บนทะเลสาบอยู่เลย
เย้นหว่านมองไปที่ทะเลสาบอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ ชื่นชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่ง แต่ก็บังเอิญเห็นเงาของคนคนหนึ่งในป่าแวบเข้ามา และร่างนั้น มันคุ้นตาเป็นอย่างมาก
คุ้นตาจนทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว
เย้นหว่านมองเข้าไปในป่าอีกครั้งอย่างกระวนกระวายใจ แต่ว่าก็ไม่เห็นเงาของคนคนนั้นอีกแล้ว
หัวใจของเธอกลับเต้นรัวอย่างกระสับกระส่าย เธอรู้สึกอย่างแปลกประหลาดว่า เงาของคนคนนั้นเธอไม่ได้มองผิดไป เหมือนกับว่าคนคนนั้นคือโห้หลีเฉิน
หรือว่า โห้หลีเฉินเองก็มาที่นี่ด้วย?
หรือว่าเขาอยู่ในป่านั้น?
หัวใจที่หมองหม่นมาหลายวันของเย้นหว่าน จู่ๆ ก็บินขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที เธอแทบอยากจะติดปีกให้ตัวเอง แล้วก็บินขึ้นไปในป่าที่อยู่ริมฝั่งนั้นทันที
“พี่ พายให้เร็วหน่อย จื่อเฟยเมาเรือจนรู้สึกไม่สบายอย่างมากแล้ว พวกเขารีบขึ้นฝั่งกันเถอะ”
เย้นหว่านเร่งเขาอย่างรีบร้อน ในขณะเดียวกันก็หยิบไม้พายอีกอันขึ้นมา แล้วก็เริ่มช่วยเขาพาย
กู้ซึงปากกระตุก แล้วก็รีบห้ามเธอทันที
“หยุดๆๆ เธอไม่ต้องพาย”
เย้นหว่านกลัวว่าจะพลาดอะไรไป เธอแค่อยากจะขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุด “ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะช่วยพายเอง”
กู้ซึงกลัดกลุ้ม แล้วก็รีบยื่นมือไปจับมือของเย้นหว่านที่พายไม่หยุดเอาไว้
“คุณผู้หญิงของผม ยิ่งเธอพายแบบนี้ มันจะยิ่งช้านะ”
เย้นหว่าน:“……”เธอก็แค่อยากจะช่วยจริงๆ นะ
แต่ว่าพอเห็นสีหน้าที่เมินเฉยของกู้ซึง เย้นหว่านก็เลยจำเป็นต้องวางไม้พายลง
“นายพายเถอะ พายให้เร็วหน่อยนะ”
กู้ซึง:“……”เขาอยากจะลาออกจริงๆ เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...