บทที่95 คุณถอดได้แล้ว
มู่หรงชิ่นหวังอยากให้โห้หลีเฉินมากดให้ แต่ที่นี่มีเย้นหว่านอยู่ด้วย เธอไม่สะดวกที่จะพูดออกมา
ก็เลยต้องเลือกทางเลือกที่สอง:“เสี่ยวหว่าน คุณมาช่วยฉันกดนะคะ”
“โอเคค่ะ”
เย้นหว่านตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลย และเดินไปหามู่หรงชิ่น
ป่ายฉีกลับเปิดปากพูดทันที “คุณไปไม่ได้ ผมจะตรวจสุขภาพให้คุณเดี๋ยวนี้”
เย้นหว่านพูดไม่ออก มักรู้สึกว่าป่ายฉีคนนี้ตั้งใจจะเล่นลูกไม้ชัดๆ
เธอยิ้มอย่างรักษามารยาทไว้ “การตรวจสุขภาพของฉัน เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ค่ะ”
“ของคุณต้องทำห้าชั่วโมง ผมไม่มีอารมณ์มารอคุณนานขนาดนี้หรอกนะ”
น้ำเสียงของป่ายฉีไม่มีที่ให้ต่อรองเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านทำตัวลำบาก
แต่มู่หรงชิ่นกลับมีสายตาดีใจ แววตาที่อ่อนโยนมองไปที่โห้หลีเฉิน “เฉินคะ ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ทางเลือกแล้ว รบกวนคุณช่วยฉันกดหน่อยนะคะ?”
ให้โห้หลีเฉินเป็นคนที่เห็นเรือนร่างของเธอ ผลลัพธ์อย่างนี้คือสิ่งที่เธอต้องการ
เธอมั่นใจว่าหุ่นของตัวเองดีมาก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นแล้วก็ต้องคิดฟุ้งซ่านอย่างแน่นอน ถึงแม้โห้หลีเฉินจะเป็นคนเย็นชา แต่อย่างน้อยก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้ที่ใจเขา
มองมาตามแววตาที่คาดหวังของมู่หรงชิ่น โห้หลีเฉินพูดอย่างนิ่งเฉย “เว่ยชีช่วยคุณกดเอง”
ทันใดนั้นร่างกายของมู่หรงชิ่นแข็งทื่อขึ้นมาทันที รู้สึกตกที่นั่งลำบากสุดๆ
“เฉิน เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ฉันเห็นว่าคุณเป็นเพื่อน ถึงได้เชื่อใจให้คุณช่วยกดให้ แต่เลขาเว่ยกับฉันไม่สนิทกันนะ ให้เขาอยู่ที่นี่ ฉันจะรู้สึก..........ตกที่นั่งลำบากมากเลยค่ะ”
“นี่เป็นการรักษาโรค”
โห้หลีเฉินมีสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงยืนหยัดจนไม่มีที่ต่อรอง
ใจของมู่หรงชิ่นหนาวเย็นไปหมด ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นสีหน้าที่เย็นชาของโห้หลีเฉินแล้ว คำพูดมากมายได้ติดอยู่ในคออยู่อย่างนั้น
โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธอรู้ดีว่า โห้หลีเฉินเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น
หากเธอยังตื๊ออีก จะยิ่งทำให้โห้หลีเฉินรังเกียจเธอ
“......โอเคค่ะ”
เงียบไปสักพัก มู่หรงชิ่นถึงเปิดปากพูดอย่างยากลำบาก
ดวงตาคู่ที่สวยงามของเธอแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วเธอรู้สึกน้อยใจมากๆ ช่างน่าสงสารจริงๆ
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาแปลกใจ ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำใจให้ผู้ชายคนอื่นมองแฟนของเขา?
ผู้ชายคนนี้ช่างไฮโซจนไร้หัวใจจริงๆ
ป่ายฉีก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เดิมทีเขาตั้งใจจะให้โห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าผู้ชายคนนี้ถึงได้หัวดื้อขนาดนี้
มีผู้หญิงสวยๆแบบนี้วางอยู่ตรงหน้าไม่เอา ดันจะตามตัวเย้นหว่านติดๆ
สีหน้าของเว่ยชีเต็มไปด้วยความอึดอัด แถมยังหูแดงอีกต่างหาก
“คุณหนูมู่หรงวางใจได้ครับ เดี๋ยวผมจะดูแค่ปุ่มกดเท่านั้น จะไม่มองดูอย่างอื่นเด็ดขาดครับ”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว มู่หรงชิ่นยิ่งรู้สึกเสียใจ
ทุกคนต่างก็มาเป็นเพื่อนเธอทั้งนั้น แต่สุดท้ายกลับให้เลขาคนนึงมาช่วยเธอกดปุ่ม แถมยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เธอเปลือยกายอีกด้วย
ช่างน่าอับอายจริงๆ
ในใจเต็มไปด้วยความคับแค้น แต่ใบหน้าของมู่หรงชิ่นกลับรักษารอยยิ้มที่ใจกว้างไว้ “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเลขาเว่ยแล้วนะ”
ป่ายฉีบอกขั้นตอนการควบคุมเครื่องตรวจให้มู่หรงชิ่นแล้ว หลังจากนั้นก็พาโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเดินไปที่อีกทิศทางนึง
ที่นี่ใหญ่มาก มีอุปกรณ์ตรวจสุขภาพร่างกายทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะตรวจสุขภาพใดๆ โห้หลีเฉินได้เดินตามเย้นหว่านอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยห่างจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
ป่ายฉีก็ได้ตรวจสุขภาพร่างกายให้เย้นหว่านอย่างสุภาพ
ทุกอย่างปกติดี จนมาถึง——
“เย้นหว่าน ถอดเสื้อผ้า ผมจะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้คุณ”
เห็นหน้าที่จริงจังของป่ายฉีแล้ว เหมือนกับว่าเขาแค่ทำงานตามหน้าที่ของการรักษา และถอดเสื้อก็เป็นแค่ขั้นตอนของการตรวจร่างกายแบบธรรมดาๆเท่านั้น
แต่ทำไมเย้นหว่านถึงได้รู้สึกอับอายล่ะ?
ไม่ว่าจะตรวจสุขภาพใดๆ โห้หลีเฉินได้เดินตามเย้นหว่านอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยห่างจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
ป่ายฉีก็ได้ตรวจสุขภาพร่างกายให้เย้นหว่านอย่างสุภาพ
ทุกอย่างปกติดี จนถึง——
“เย้นหว่าน ถอดเสื้อผ้า ผมจะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้คุณ”
เห็นหน้าที่จริงจังของป่ายฉีแล้ว เหมือนกับว่าเขาแค่ทำงานตามหน้าที่ของการรักษา และถอดเสื้อก็เป็นแค่ขั้นตอนของการตรวจร่างกายแบบธรรมดาๆเท่านั้น
แต่ทำไมเย้นหว่านถึงได้รู้สึกอับอายล่ะ?
เย้นหว่านคิดวกไปวนมาเป็นพันรอบ วินาทีนี้ เธอคิดอยากจะไปจากที่นี่โดยตรงเลย ยังไงเสียคนที่จะรักษาก็เป็นมู่หรงชิ่นไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย
เธอจะรออยู่ที่นี่ทำไม?
“ถ้าอย่างนั้นคุณหลับตาก่อน ห้ามดูนะ”
เย้นหว่านโทษตัวเองและหันหลังให้กับโห้หลีเฉิน มือเล็กๆของเธอเขยิบไปที่กระดูมอย่างยากลำบาก
นี่ ช่างน่าอับอายจริงๆ
โห้หลีเฉินมองดูท่าทีของเธอ แล้วได้ยิ้มอ่อนๆ
เขาเดินที่ข้างกายเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นและเสียงเบา
“ไม่ต้องรีบ”
เย้นหว่านตัวแข็งอย่างกระทันหัน แก้มแดงเหมือนเลือดจะไหลออกมาแล้ว
ความรู้สึกแบบนี้ ทำไมเหมือนกับว่าเธอรีบร้อนอยากจะถอดให้เขาดูซะงั้นล่ะ?
โห้หลีเฉินเดินผ่านตัวเธอ หลังจากนั้นเดินไปที่ตรงกลางของห้อง เหยียบเก้าอี้แล้วยืนขึ้นไป
แต่เดิมเขาก็สูงร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรอยู่แล้ว พอยืนอยู่บนเก้าอี้แล้วยิ่งสูงจนทำให้คนเงยหน้ามองไม่ได้ แนบชิดกับบนเพดาน
เย้นหว่านแปลกใจ “คุณทำอะไรคะ?”
โห้หลีเฉินไม่พูดอะไร ยื่นมือไปเอาที่คลอบไฟออก แล้วเอากล้องเล็กๆที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมา
ตอนที่เย้นหว่านเห็นกล้องนั้นแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรู้สึกไม่สบายใจ
ป่ายฉีคนนี้ซ่อนกล้องไว้ที่นี่ได้ยังไง?
“เขาเป็นโรคจิตรึไง?!”
เธอตกใจและจับเสื้อตัวเองไว้แน่นๆ อกสั่นขวัญแขวน ยังดีที่เมื่อกี๊ยังไม่ได้ถอด
ณ เวลานี้ ริมทางเดินในห้อง ป่ายฉีกำลังดูวีดีโอของกล้องวงจรปิดในมือ พอได้ยินเสียงที่พูดคุยในวีดีโอแล้ว หน้าที่หล่อเหลาซีดเซียวทันที
ไม่นึกว่าเธอจะว่าเขาว่าเสียๆหายเป็นไอ้โรคจิต............
เสียใจจริงๆ แค่นี้ก็เข้าใจเขาผิดซะแล้ว
เขากลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เวลานี้หน้าตาที่เขากำลังแอบมองผ่านทางกล้องวีดีโอนั้น ดูแล้วก็เหมือนไอ้โรคจิตจริงๆ
โห้หลีเฉินดึงกล้องออกอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นถึงได้ลงมาจากเก้าอี้ และจ้องมองที่เย้นหว่าน
พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ:“คุณถอดได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...