ดวงตาทั้งสองคู่สบกันในอากาศ เย่จิ่งหลานยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินไปหาฮั่วเทียนเฉิง
“ไม่ทราบว่าท่านหมกมุ่นอยู่กับวิทยายุทธ์จะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อตำหนักเทพเป็นสำนักใหญ่ที่ถือสันโดษ ก็ควรมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องทุกคน แต่ในการต่อสู้ในเป่ยไห่ครั้งนั้น กลับไม่เห็นคนจากตำหนักเทพเลย ซึ่งเข้าใจได้ยากยิ่งนัก”
ฮั่วเทียนเฉิงอึ้งไปชั่วขณะ ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
แม้ว่าเขาจะไปที่เป่ยไห่ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อความสงบสุขของจงหยวน เมื่อคิดว่าสำนักต่างๆ ต่อสู้ในเป่ยไห่ ทว่าตัวเองกลับยืนมองูอยู่ข้างๆ อย่างเห็นแก่ตัว ฮั่วเทียนเฉิงก็อดขมวดคิ้วเสียมิได้
ตอนแรกที่เข้าไปในตำหนักเทพ ก็เพื่อต้องการชำระความชั่วขจัดความเลว นำความสงบสุขมาสู่โลก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อใด แต่ความคิดนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไป ศิษย์ตำหนักเทพทุกคนเหลือเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น และนั่นคือการไต่ขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์...
“แม้ว่าการไต่ขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์จะมีวรยุทธ์และวิถีแห่งเต๋าที่สุดยอดจริง แล้วจะอย่างไรเล่า ทุกคนจะสามารถเรียนรู้ได้หรือไม่ หากคนคนหนึ่งทุ่มเทเวลาไปทั้งชีวิต แต่ยังเป็นเพียงทาสของวรยุทธ์ เช่นนั้นการฝึกฝนวรยุทธ์จะมีความหมายอะไร”
เสียงของเย่จิ่งหลานขัดจังหวะความคิดของฮั่วเทียนเฉิง เขาเหลือบมองเย่จิ่งหลานที่นั่งอยู่ข้างๆ อ้าปาก แต่ไม่สามารถพูดคัดค้านได้
เย่จิ่งหลานหยิบบุหรี่ออกมาราวกับว่าไม่มีคนอยู่ด้วย จุดบุหรี่แล้วสูดควัน ทอดสายตามองดูทะเลอันกว้างใหญ่
“ในฐานะบุรุษ ถ้าไม่สร้างการใหญ่ให้เกริกก้อง การเกิดมาในโลกนี้มิเสียเปล่าแย่หรือ วรยุทธ์ของศิษย์เหล่านี้ไม่ได้ด้อยกว่าท่านฮั่วแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่พวกเขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่ออุดมคติของพวกเขา ไม่กลัวการหลั่งเลือด และไม่กลัวการเสียสละชีวิตเพื่อความคุณธรรม หากท่านฮั่วมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องลวงตาเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้แล้วว่าท่านฮั่วเข้าร่วมสำนักนั้น มีความหมายเพื่ออะไร”
ฮั่วเทียนเฉิงขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มีเพียงการแสวงหาวิทยายุทธ์ชั้นยอดเท่านั้น ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนได้ แม้ว่าตำหนักเทพจะไม่ค่อยลงเขาบ่อยนัก แต่ก็ใส่ใจผู้คนอยู่เสมอ”
เย่จิ่งหลานพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่มาสนับสนุนเป่ยไห่ล่ะ การรุกรานของชาวตงหลิวนั้น มิใช่แค่เข่นฆ่าสังหารผู้คนง่ายๆ แบบนั้น เมื่อใดที่เป่ยไห่พ่ายแพ้ ตงหลิวจะบุกโจมตียึดครองจงหยวน”
เย่จิ่งหลานคลี่ยิ้มเหมือนมองเด็กที่มีอนาคตสอนได้ แล้วพูดอย่างชอบธรรม “ถูกต้อง ท่านอ๋องผู้นั้นคือข้า ที่ข้ามาตงหลิวคราวนี้ ก็เพื่อกำจัดหายนะนี้ให้ชาวเป่ยไห่ให้สิ้นซาก มิฉะนั้นนับสิบปีถัดจากนี้ โศกนาฏกรรมเรื่องตงหลิว จะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน”
ดวงตาของฮั่วเทียนเฉิงไหววูบอย่างรุนแรง
ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเหล่าราชวงศ์จะเดินทางมาที่เป่ยไห่ด้วยตนเอง!
เขาดูถูกราชสำนักมาโดยตลอด ในสายตาของเขา ฮ่องเต้เป็นเพียงสรรพนามที่เลอะเทอะ แต่เย่จิ่งอวี้ไม่เป็นเช่นนั้น เด็กชายอายุแปดเก้าขวบที่อยู่เบื้องหน้านี้ ก็ความกระตือรือร้นที่จะช่วยบ้านเมืองและราษฎรเช่นกัน เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ตำหนักเทพเป็นอะไรกันแน่
ฮั่วเทียนเฉิงอยู่ในตำหนักเทพมานานหลายทศวรรษ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความลังเลและเคลือบแคลงสงสัยจุดมุ่งหมายของสำนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...