“ไป๋เสวี่ย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
ไป๋เสวี่ยยืนตัวตรง วางอุ้งเท้าปุกปุยทั้งสองข้างพาดบนไหล่ของอินชิงเสวียน
ความตื่นเต้นที่มากเกินไปทำให้เจ้าสุนัขเงยหน้าขึ้นฟ้า แล้วเห่าหอนเสียงดังลั่น
“โฮ่ง!”
อินชิงเสวียนก็ดีใจมากเช่นกัน นางกอดคอที่มีขนปุกปุยของไป๋เสวี่ย ออกแรงลูบหัวใหญ่ของมัน
“เจ้ามาที่นี่ทำไม เจ้ามาเองตัวเดียวหรือ”
อินชิงเสวียนมองไปที่ฝูงชน ค้นหาเงาร่างของคนที่นางไม่สามารถลืมอย่างรวดเร็ว
แต่มองจนปวดกระบอกตา ก็ยังไม่เห็นเย่จิ่งอวี้
นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกอ้างว้าง จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไม่ใช่หรือ ยังมาทำตัวไม่มีเหตุผลอะไรอีก?
นางปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วดึงไป๋เสวี่ยออกจากไหล่ของนาง
ขนสีขาวของเจ้าสุนัขเริ่มขะมุกขะมอมไปบ้าง เหมือนจะผอมลงไปไม่น้อย หัวใหญ่โตท่าทางซื่อบื้อไร้เดียงสาเริ่มหดเล็กลง ระหว่างทางที่เดินทางมานี้มันคงลำบากมาก
เมื่อมองดูอุ้งเท้าที่ตกสะเก็ดของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ รีบหยิบอ่างน้ำพุวิญญาณเล็กๆ ออกมาป้อนให้ไป๋เสวี่ย
“เจ้าหมาโง่ ทำไมเจ้าถึงมาตามหาข้าไกลขนาดนี้ อยู่ในวังกับเจ้านายของเจ้าก็ดีอยู่แล้ว”
ไป๋เสวี่ยส่งเสียงครางหงิงๆ ทันที แล้วยกอุ้งเท้ากอดเอวของอินชิงเสวียน
อินชิงเสวียนเกลือกหน้ากับหัวของมันด้วยความปวดใจ ยกหูของมันขึ้นแล้วพูดว่า “ดื่มน้ำพุวิญญาณฟื้นฟูกำลังก่อน แล้วค่ำๆ ข้าจะหาอะไรให้เจ้ากิน”
ไป๋เสวี่ยเห่าอย่างมีความสุข แล้วก้มหน้ากินน้ำ
อินชิงเสวียนใช้มือสางขนให้มัน ถอนหายใจและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารอนแรมเดินทางมาไกลเพื่อมาหาข้า เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็ติดตามอยู่กับข้านะ!”
“ข้ามีนามว่าหันถิงผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ของตำหนักเทพหอทองคำ ที่พวกเจ้าทุกคนทำลายผนึกม่านภูเขาของตำหนักเทพเรา ไม่ทราบเพราะเหตุใด”
เขาเอามือไพล่หลัง น้ำเสียงไม่สูงหรือต่ำ กระแสเสียงไม่ถือว่าดุดันนัก แต่ก็ยังไม่สามารถกลบความกดดันลึกถึงกระดูกที่เปล่งออกมาจางๆ นั้นได้ หลายคนก้มหัวลง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ชายชราผู้นี้ให้ความรู้สึกประดุจเทพเซียน แต่น่าเสียดายที่ธาตุแท้ภายในกลับเน่าเฟะ
อินชิงเสวียนแอบด่าในใจว่าไอ้โจรเฒ่า จากนั้นมองลงไปอีกครั้ง
ในเวลานี้ ชายชราในชุดหรูหราเดินออกมาจากฝูงชน เขาประกบมือคำนับ แล้วพูดด้วยหน้ายิ้มแต่ตาไม่ยิ้มว่า “ได้ยินมาว่าในตำหนักเทพหอทองคำมีหนังสือสวรรค์ไร้อักษรอยู่ พวกเรารู้ว่าท่านเจ้าตำหนักใจกว้างมาตลอด จึงอยากมาขอยืมโดยเฉพาะ หวังว่าผู้อาวุโสหันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ด้วย”
อินชิงเสวียนเหลือบมองตราสัญลักษณ์ที่ปักบนเสื้อของเขา จำได้ทันทีว่าเขามาจากสำนักอวิ๋นซาน
ที่แท้เป็นคนจากสำนักของซูถูนี่เอง ซึ่งเป็นคนประเภทเดียวกับโจรเฒ่าซูคนนั้นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ความจอมปลอมที่แสดงออกทางสีหน้าดูเลวร้ายยิ่งกว่าผู้อาวุโสหันเสียอีก
ผู้อาวุโสหันไม่ได้ปฏิเสธ เขาหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “สหายของเราในยุทธจักรหูตาเฉียบแหลมจริงๆ เรื่องที่เป็นความลับเฉพาะขนาดนี้ยังสืบทราบได้ ข้ารู้สึกละอายใจในตัวเองจริงๆ”
เขาเปลี่ยนหัวข้อ แล้วพูดอย่างจนปัญญา “เพียงแต่ว่าบังเอิญนัก เจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงส่งจดหมายเมื่อคืนนี้ บอกว่าต้องการยืมหนังสือเล่มนี้ ตำหนักเทพและอิ๋นเฉิงก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่ได้ปฏิเสธ เช้าวันนี้ ข้าจึงให้อาคันตุกะหลายคนนำหนังสือสวรรค์ไร้อักษรไปส่งยังอิ๋นเฉิงแล้ว เกรงว่าการเดินทางของทุกคนคงจะเสียเปล่าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...