ในเวลานั้น เจ้าตำหนักเทพเพิ่งออกจากการบำเพ็ญเพียร เหมยชิงเกอก็ให้กำเนิดทารก
ธิดาเทพเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของตำหนักเทพ ชั่วชีวิตไม่สามารถแต่งงานมีความรักได้ เจ้าตำหนักไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย จึงพูดจาหว่านล้อมกึ่งขอร้องให้นางส่งเด็กไปที่อิ๋นเฉิงก่อน
เมื่อเด็กอายุครบสี่ห้าขวบ ค่อยไปรับกลับมาในนามลูกศิษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ เจ้าตำหนักได้ทิ้งรอยตราของตำหนักเทพไว้บนไหล่ของเด็กโดยเฉพาะ และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาในอนาคตด้วย
เหมยชิงเกออยู่ในตำหนักเทพมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ถึงความสำคัญของธิดาเทพในตำหนักเทพอยู่แล้ว และนางเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎของตำหนักก่อน แม้จะตัดใจไม่ลง ก็ต้องรับปากว่าจะส่งลูกไปที่อิ๋นเฉิงชั่วคราว
โดยที่นึกไม่ถึงว่ายังไปไม่ถึงอิ๋นเฉิงด้วยซ้ำ นางก็ถูกคนของอิ๋นเฉิงไล่สังหาร เพื่อปกป้องลูกแล้ว นางต้องฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยอมใช้ศาสตร์ลับของตำหนักเทพเพื่อเพิ่มพลังของร่างกายให้สูงสุดโดยไม่ลังเล สู้สุดใจจนหลบหนีจากความตายมาได้
ในตอนนั้นทั้งตัวของนางเหลือพลังเพียงหนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ร่างกายอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดานัก ในใจมีเพียงความตั้งใจเดียว นั่นก็คือรักษาเด็กในอ้อมแขนไว้ให้ได้
นางไม่รู้ว่าตัวเองเดินมานานแค่ไหนแล้ว สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หมดสติอยู่กลางป่า เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าตัวเองได้รับการช่วยเหลือจากฮูหยินตระกูลอิน
จากนั้นเมื่อทราบว่าลูกของอินฮูหยินที่อายุยังไม่ครบขวบเดือนก็ตายตั้งแต่เยาว์วัย เหมยชิงเกอก็เกิดความคิดที่จะมอบเด็กไว้กับนาง
ต่อมา เหมยชิงเกอได้ยินจากสาวใช้ของอินฮูหยินว่า สามีของนางเป็นแม่ทัพในรัชสมัยนี้ กำลังนำกองกำลังต่อสู้ที่เมืองรอบนอก ไม่รู้ว่าเด็กจากไปแล้ว อินฮูหยินก็เกรงว่าสามีจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ ฉะนั้นข้อเสนอของเหมยชิงเกอจึงเหมาะกับความปรารถนาของนางอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้นนางมีลูกแล้วสองคน และทารกที่เสียชีวิตไปก็เป็นเด็กผู้หญิง จึงให้คำสาบานว่าจะดูแลเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง ให้เหมยชิงเกอวางใจได้เลย
เมื่อเหมยชิงเกอเห็นสตรีผู้นี้จิตใจดีมีเมตตา จึงตัดใจมอบเด็กไว้กับนาง
อินฮูหยินดีใจมาก ให้นางอยู่ในบ้านก่อนชั่วคราว เมื่อพักฟื้นจนหายดีแล้วค่อยออกเดินทาง
ร่างกายของเหมยชิงเกอก็ถึงขีดจำกัดแล้ว นางจึงปักหลักพักอยู่ที่นั่น ทั้งยังมีความเห็นแก่ตัวที่ต้องการใช้เวลากับลูกให้มากๆ
เมื่อนึกถึงวันเก่าๆ มวลผกาใต้แสงจันทร์ เหมยชิงเกอก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางเพ้อฝันมาโดยตลอดว่าเฮ่อยวนจะปรากฏตัวต่อหน้านาง ตัดโซ่ออก และพานางออกจากตำหนักเทพ อย่างไรก็ตาม ความเพ้อฝันก็เป็นความเพ้อฝันอยู่วันยังค่ำ เชื่อถือไม่ได้
ต่อมา เหมยชิงเกอก็เข้าใจในที่สุด นี่เป็นเพียงความปรารถนาของนางฝ่ายเดียวเท่านั้น
เมื่อคิดถึงชายร่างสูงผู้นั้น เหมยชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะกำนิ้วแน่น ดวงตาที่เย็นชาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
นางเกลียดผู้อาวุโสหัน และเกลียดเฮ่อยวนยิ่งกว่า
นางเคยสาบานต่อฟ้า หากนางโชคดีมีชีวิตรอด จะทำให้เฮ่อยวนมีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าตาย ได้ชดใช้สิบเท่าร้อยเท่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...