อินชิงเสวียนปฏิเสธทันควัน
“เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในมิติ ข้าก็สามารถออกจากตำหนักเทพได้ตลอดเวลา น้ำโคลนนี้เจ้าอย่าเข้ามาแปดเปื้อนดีกว่า หากไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้ารีบกลับเมืองหลวงไปดีกว่า”
เย่จิ่งหลานสั่นศีรษะราวกับสั่นกลองป๋องแป๋ง
“ทำแบบนั้นได้อย่างไร อุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะกลับไป”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ตำหนักเทพหอทองคำนั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด อย่าไปเลย”
“ทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าต่อสู้คนเดียวได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นอันตกลงตามนี้แหละ ที่จริงถึงแม้ไม่มีเจ้า ข้าก็ยังต้องไปที่ตำหนักเทพหอทองคำดูหน่อย ถึงอย่างไรก็ต้องให้ฮั่วเทียนเฉิงมีคำตอบไปรายงาน”
เย่จิ่งหลานถือถ้วยชาในมือ สีหน้าท่าทางไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย
อินชิงเสวียนพูดอย่างจนปัญญา “ในเมื่อเจ้าได้ดูดซับกำลังภายในทั้งหมดของโมริตะคาวาสึบาเมะแล้ว แม้แต่ฮั่วเทียนเฉิงก็ไม่สามารถหยุดเจ้าไว้ได้ แล้วทำไมต้องทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย”
“ข้ายังมีเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องทำให้กระจ่าง สรุปแล้วก็คือ ข้าจำเป็นต้องไปตำหนักเทพ”
เย่จิ่งหลานเหยียดนิ้วออกวาด น้ำเสียงหนักแน่นยิ่งนัก
ได้รู้จักเขามาเป็นนานขนาดนี้แล้ว อินชิงเสวียนย่อมรู้นิสัยของเย่จิ่งหลานในระดับหนึ่ง หากเรื่องใดที่เขาลงความเห็นไปแล้ว เกรงว่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แม้ว่าวันนี้จะรับปากนาง แต่วันหน้าก็ต้องไปอยู่ดี
เอาเถอะ ตอนนี้เย่จิ่งหลานก็กลายเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแล้ว หากสามารถอยู่ในตำหนักเทพได้ จะช่วยเหลือตัวนางได้มากทีเดียว
“ในเมื่อเจ้ายืนยันขนาดนี้แล้ว งั้นข้าก็ไม่พูดอะไรมาก ข้ากำลังจะไปพบกับฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียง ดูว่าพวกนางสืบหาข้อมูลอะไรได้บ้างหรือไม่”
อินชิงเสวียนดื่มชาในถ้วยจนหมด แล้วผุดลุกขึ้นยืน
ประกายวาววับปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่จิ่งหลานแวบหนึ่งแล้วก็หายไป
“ในเมื่อเจ้ามีอย่างอื่นต้องทำ งั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ได้ เจ้าต้องระวังให้มากๆ”
อินชิงเสวียนมองเย่จิ่งหลานด้วยความห่วงใย เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเพื่อนจากยุคเดียวกันแข็งแกร่งขึ้นมาก เดิมทีคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พบเขาอีกในชีวิตนี้ แต่สวรรค์ทรงเมตตาพวกเขาจริงๆ
“เจ้าดูแลตัวเองดีๆ ก็พอ ไม่ต้องห่วงเรื่องของข้า ข้าต้องไปจริงๆ แล้ว”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบนางก็ลงไปชั้นล่าง
เย่จิ่งหลานตะโกนขึ้นตามหลัง “ข้าพูดจริง ไม่ได้ล้อเล่น”
“ข้ารู้ ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง แล้วเจอกัน”
ร่างของอินชิงเสวียนหายไปจากสายตาของเย่จิ่งหลานอย่างรวดเร็ว เย่จิ่งหลานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ในเมื่อนางพูดแบบนี้แล้ว นั่นหมายความว่านางไม่สามารถปล่อยวางเย่จิ่งอวี้ได้ แน่นอนว่าคู่รักวัยเด็กเอาชนะรักแรกพบไม่ได้
ถุย ตัวเองกับนางยังไม่ถือว่าเป็นคู่รักวัยเด็กเสียหน่อย
บอกว่าเพื่อนจากยุคเดียวกันไม่สามารถเอาชนะคนพื้นที่ได้คงจะเหมาะกว่า
ถ้าตอนที่ได้พบนางครั้งแรก ตัวเองอยู่ในรูปกายนี้ ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไปหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...