“ทุกสิ่งล้วนต้องเผื่อไว้ มิติอาจไม่สามารถช่วยชีวิตเราได้ตลอด”
สีหน้าของอินชิงเสวียนดูเคร่งขรึม นางเคยเห็นวรยุทธ์ของผู้อาวุโสหัน แม้ว่านางจะดูดซับพลังภายในของคนมากมาย แต่ก็ยังไม่กล้าไม่ใจเกินไป
เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่อินังขังขอบ “เจ้ามองคนแซ่หันนั่นเป็นเทพเกินไปแล้วกระมัง ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาด้วยเลือดเนื้อ เขาไม่ได้มีสองหัวมากกว่าคนอื่นเสียหน่อย”
“ควรระวังไว้จะดีกว่า”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ จู่ๆ ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้
“หวังซุ่นอล่ะ”
“อยู่ตีนเขา เจ้าถามหาเขาทำไม่”
เย่จิ่งหลานสงสัย
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าวว่า “เช่นนี้แล้ว งั้นก็เจอเจ้าตำหนักอย่างแน่นอน”
เมื่อมองดูดวงตาที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนแมวคู่นั้น เย่จิ่งหลานก็เข้าใจทันที
“เจ้าคิดจะ...”
อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง เพียงแต่มีรายละเอียดบางอย่าง ข้ายังต้องไปถามฉุยอวี้”
เย่จิ่งหลานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สมแล้วที่เป็นเจ้า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่”
“งั้นก็เอาตามนี้”
ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดจบ ฮั่วเทียนเฉิงก็เดินเข้ามาจากประตู
“แม่นางอิน คุณชายน้อยเย่ อาหารพร้อมแล้ว เชิญทั้งสองท่านย้ายไปที่ห้องอาหาร”
อินชิงเสวียนยอบกายคำนับ
“ขอบคุณท่านฮั่ว ที่ตงหลิวสงบลงในครั้งนี้ ท่านฮั่วก็ได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมาก ราษฎรชาวเป่ยไห่จะต้องจดจำความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านฮั่วได้อย่างแน่นอน”
นางยังคงมีความประทับใจที่ดีต่อฮั่วเทียนเฉิง หากในอดีตเขาไม่มาช่วยเหลือ นางและเย่จิ่งอวี้คงติดอยู่และเสียชีวิตในมโนภาพนั้นแล้ว
ใบหน้าของฮั่วเทียนเฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อทั้งสามคนออกจากห้องโถงใหญ่ ผู้อาวุโสหันก็นั่งที่โต๊ะหินด้วยสีหน้าอึมครึม
ฉางเฮิ่นเทียนถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ในเมื่ออาจารย์รู้ว่าอินชิงเสวียนกับคุณชายน้อยเย่รู้จักกัน ทำไมถึงยังให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน ไม่กลัวว่าพวกเขาจะสมรู้ร่วมคิดกันหรือ”
ผู้อาวุโสหันพูดเรียบๆ “ในเมื่อพวกเขามาที่ตำหนักเทพกันหมดแล้ว ขัดขวางพวกเขาไปก็ไม่มีความหมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ จะเพิ่มประโยชน์ให้สูงสุดได้อย่างไร”
ฉางเฮิ่นเทียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “แต่หากอินชิงเสวียนปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบน้ำพุวิญญาณล่ะ จะทำอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่มีเบาะแสของเด็ก แล้วเราจะขู่นางด้วยอะไรอีก”
ผู้อาวุโสหันกล่าวว่า “ถ้าเป็นจริงตามนี้ ข้ามีแต่ต้องลงมือด้วยตัวเอง จับตัวนางเท่านั้น”
หลังจากพูดจบ เขาหันกลับมา พูดกับฉางเฮิ่นเทียนว่า “ไปเถอะ ไปตามเกาเย่ กัวฉางผิง และเซี่ยเฉียนคุนอาคันตุกะเหล่านั้นไปที่หอตำราสะสม ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกเขา จำไว้ว่าอย่าให้ลิ่นเซียวรู้”
ฉางเฮิ่นเทียนโค้งคำนับกล่าวว่า “ศิษย์น้อมรับคำสั่ง”
คนทั้งสามนี้เป็นยอดฝีมือในปัจจุบันนี้ ทัดเทียมกับตาแก่แซ่เซี่ยวนั่น ดูท่าทางแล้ว ผู้อาวุโสหันต้องการใช้วิธีปลาตายตาข่ายขาดแล้วจริงๆ
หลังจากออกจากห้องอาหารแล้ว ฉางเฮิ่นเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปยังบริเวณที่พักของเหล่าอาคันตุกะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...