หลังรับประทานอาหาร อินชิงเสวียนพูดคุยกับแม่อยู่พักหนึ่ง แล้วจึงออกจากมิติ
ข้างนอกมืดแล้ว เป็นเวลาประมาณสามทุ่ม
เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาอีกหน่อยกว่าจะถึงเที่ยงคืน อินชิงเสวียนจึงเดินกลับไปที่เตียงหิน นั่งขัดสมาธิ และค่อยๆ ย่อยพลังงานที่ปล้นมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ใช้มันให้กลายเป็นของตัวเอง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ในระดับใดแล้ว เพื่อความปลอดภัย นางยังไม่ต้องการต่อสู้กับผู้อาวุโสหัน
เมื่อใดที่นางตาย มิตินั้นจะตายพร้อมกับนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมยชิงเกอและเสี่ยวหนานเฟิงอาจถูกส่งออกจากมิติ หรืออาจหายไปพร้อมกับมิตินั้น
แม้จะเป็นอย่างหน้า แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ด้วยพลังของเหมยชิงเกอ ไม่มีทางที่นางจะสามารถปกป้องเสี่ยวหนานเฟิงได้
แค่ตัวเองเข้มแข็งพอเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์พูดได้มากพอ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็สงบจิตใจอย่างสมบูรณ์ ในไม่ช้าก็เข้าสู่สภาวะผสานกายใจเป็นหนึ่งเดียว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ได้ยินเสียงจิ้งหรีดส่งเสียงร้องข้างนอก
อินชิงเสวียนลืมตาขึ้นทันที ลูกตาสีดำตัดกับตาขาวชัดเจนคู่นั้น เปล่งประกายระยิบระยับ
นางดีดปลายเท้าขึ้นไป ร่างนั้นก็เล็ดลอดออกจากประตูไปอย่างเงียบเชียบ
ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ที่ประตู นอกจากดวงตาทั้งสองข้างแล้ว ร่างทั้งร่างก็ห่อหุ้มตัวอย่างมิดชิด
“สวัสดี คนสวย”
คนชุดดำโบกมือเรียกนาง
อินชิงเสวียนกลอกตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้ามาตรงเวลาดีนะ”
เย่จิ่งหลานหัวเราะ
“คนสวยนัด จะกล้าไม่มาได้อย่างไร”
“เลิกพล่ามได้แล้ว รอข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียว”
อินชิงเสวียนถอนหายใจ และเปลี่ยนเป็นชุดพรางตัว
ประมาณสิบหน้านาที ทั้งสองก็ตรงไปยังโถงที่พักของผู้อาวุโสหัน
สายลมยามค่ำคืนพัดพลิ้ว แสงจันทร์นุ่มนวลสดใส ทั้งสองตรงขึ้นไปบนยอดเขาทีละคน
เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังกันและกัน ทั้งคู่ต่างประหลาดใจ
พลังปราณทั้งสองสายปะทะกัน อินชิงเสวียนถอยหลังครึ่งก้าวอย่างควบคุมไม่ได้
“มีความสามารถดีนี่”
อาคันตุกะอีกสองคนบีบไปข้างหน้า โอบล้อมเย่จิ่งหลานไว้
อำนาจบังคับที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาจากทั้งสามคน อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย นางลองนึกในใจ และพบว่าไม่สามารถเปิดมิติได้
เช่นนี้แล้ว ก็ลองทดสอบว่าวรยุทธ์ของตัวเองไปถึงระดับไหนแล้ว
พลังในจุดตันเถียนทะลักเข้าสู่ฝ่ามือทั้งสองข้างทันที และกำลังภายในก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ โจมตีเข้าใส่อาคันตุกะคนหนึ่ง
“ทำได้ดี”
อาคันตุกะยิ้มเยาะ หันกลับมาป้องกันด้วยความโกรธ
เมื่อสองมือปะทะกัน ดวงตาของอาคันตุกะก็มืดลง ในเวลาเพียงชั่วครู่ คนผู้นั้นก็ถูกกำลังภายในที่แข็งกร้าวเผด็จการผลักให้กระเด็นออกไป
คาวเลือดทะลักขึ้นลำคอ และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ดูเหมือนว่าการช่วงชิงโชคลาภอาจทำให้คนเสียสมาธิได้ชั่วคราว อินชิงเสวียนก็พอจะกะเกณฑ์ทักษะความสามารถของคู่ต่อสู้ได้บ้างแล้ว จึงใช้ทักษะของตำหนักเทพหอทองคำไปเลย
สีหน้าของผู้อาวุโสหันเปลี่ยนไป เขากระโดดเข้าสู่วงการต่อสู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...