สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1139

เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอินชิงเสวียน เหมยชิงเกอจึงถามอย่างกังวล “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า พลังของข้าฟื้นตัวพอควรแล้ว หากแม่นางมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ข้าสามารถออกไปช่วยเจ้าได้”

อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผู้อาวุโสถูกขังอยู่ในผาเฟิงเริ่นมาเป็นเวลานาน หากต้องการที่จะฟื้นฟูสู่จุดสูงสุด เกรงว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ท่านพักผ่อนที่นี่บำเพ็ญตนอยู่ก่อนได้ หากมีวันหนึ่งโค่นล้มผู้อาวุโสหันได้แล้ว ยังต้องให้ผู้อาวุโสรับผิดชอบสถานการณ์โดยรวม”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เหมยชิงเกอก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“ภายนอกผู้อาวุโสหันดูไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ความจริงมีจิตใจที่ชั่วร้าย หากเจ้าต่อสู้กับเขา เจ้าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเป็นเท่าตัว”

“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้ายังมีที่มิติ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้ ต้องขอตัวแล้ว”

อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมาหอมแก้มหลายฟอด จากนั้นออกจากมิติ ตรงไปยังที่พักของลิ่นเซียว

ลิ่นเซียวกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกพลังในถ้ำ มีพลังปราณที่ไร้รูปร่างวนเวียนอยู่รอบตัว ทันทีที่ไปถึงประตู อินชิงเสวียนรู้สึกถึงพลังกดดันอย่างรุนแรง

สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสในยุทธจักร มีพลังกดดันอันน่าเกรงขาม

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นแล้วเคาะประตูหิน

“ท่านอาจารย์เจ้าคะ”

ลิ่นเซียวเงยหน้าขึ้น

“เข้ามา”

อินชิงเสวียนผลักประตูหินออกไป ลิ่นเซียวผู้มีเรือนผมสีขาวก็ยืนขึ้นจากเตียงหิน

“เจ้ามาได้อย่างไร”

อินชิงเสวียนโค้งคำนับเล็กน้อย

“ศิษย์น้อมคำนับท่านอาจารย์ เมื่อครู่เพิ่งได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสหัน บอกว่าเย็นนี้ให้ศิษย์ไปหารือเกี่ยวกับการประลองยุทธ์กับอิ๋นเฉิง ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์จะไปด้วยหรือไม่”

ลิ่นเซียวพูดเสียงเรียบ “ข้าไม่เคยมีเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องธรรมดาเหล่านั้น หากต้องการต่อสู้ก็สู้ไป ทำไมต้องพูดมาก”

อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์เป็นผู้เก่งกาจเหนือใคร หลุดพ้นจากสามัญ ย่อมไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าศิษย์มีของวิเศษหายากอยู่กับตัว ผู้อาวุโสหันจับจ้องมาโดยตลอด กลัวว่าจะไม่ใช่งานเลี้ยงที่ดี ไม่มีสุราดีๆ ต้อนรับ”

“โอ้?” ลิ่นเซียวเงยหน้าขึ้น พูดอย่างเย็นชา “พวกเขาจะกล้าลงมือกับเจ้างั้นรึ หากเจ้ากลัว ก็ประกาศชื่อข้าออกไป”

“ถ้าอาจารย์ไม่ยุ่ง ไปที่นั่นด้วยกันจะดีกว่า”

เพียงชั่วพริบตา ก็ถึงยามพลบค่ำ

อินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานไปที่ห้องโถงจื่อชี่ตงไหลด้วยกัน

ทั้งสองด้านของห้องโถงเต็มไปด้วยสุราและอาหาร ทั้งสองข้างล้วนเต็มไปด้วยอาคันตุกะ กะดูคร่าวๆ ก็มีคนประมาณยี่สิบคน

ผู้อาวุโสหันนั่งอยู่บนที่นั่งตรงกลาง กำลังพูดคุยและหัวเราะ

เมื่อเห็นเย่จิ่งหลาน เขาก็ไม่แปลกใจเลย

พูดด้วยรอยยิ้ม “สองท่านนี้เป็นอาคันตุกะคนใหม่ของตำหนักเทพเรา นี่คือแม่นางอิน อินชิงเสวียน และอีกคนคือ คุณชายน้อยเย่ที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกล”

อาคันตุกะทุกคนล้วนเป็นผู้สูงอายุที่มีหนวดเคราสีเทา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทั้งสองคนยังเด็กขนาดนี้ แน่นอนว่าหลายคนดูถูกเหยียดหยาม

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหัน พวกเขาต้องยืนขึ้นโค้งคำนับ

อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งหลานก็คำนับตอบตามมารยาท แล้วนั่งลง ผู้อาวุโสหันยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “วันนี้ที่ให้ทุกท่านมาที่นี่ เพื่อแนะนำให้พวกท่านรู้จักกับอินชิงเสวียน สิ่งที่ข้าบอกเจ้าว่าสามารถเลื่อนขั้นกำลังภายในได้ คือน้ำพุวิญญาณของแม่นางอิน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์