“เสี่ยวอวี้ อวิ๋นลี่!”
เหมยชิงเกอจับมือของทั้งสองคน ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน
ชั่วพริบตาศิษย์พี่น้องสามสาวไม่ได้เจอกันนานกว่าสิบปี เมื่อนึกถึงสมัยที่ทุกคนเพิ่งเข้ามาในสำนัก ในตอนนั้นต่างก็ไร้เดียงสา ทุกอย่างช่างดูเหมือนเมื่อวาน
เฟิงเอ้อร์เหนียงมองไปที่เหมยชิงเกออย่างพิจารณา
“ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของศิษย์พี่ยังคงเหมือนเดิม ข้าอยากร้องไห้ด้วยความดีใจจริงๆ”
ฉุยอวี้ก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ศิษย์พี่ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
นางกอดเหมยชิงเกออย่างแรง ราวกับว่าระบายความปรารถนาและความคับข้องใจมานานหลายปี
เหมยชิงเกอตบหลังนางเบาๆ
“พวกเจ้าสบายดีหรือไม่...”
อินชิงเสวียนมองไปยังศิษย์พี่น้องสามสาวที่แสดงความรู้สึกจริงใจ แล้วขยิบตาให้เย่จิ่งหลาน และอุ้มเด็กเดินออกจากที่พักหินไป
“นักพรตเต๋าสองคนในมิติของเจ้า เป็นคนแบบไหน”
เย่จิ่งหลานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ทำไมถึงคิดถามเรื่องนี้ล่ะ”
“ผู้อาวุโสเหมยออกมาดูแลสถานการณ์โดยรวม ให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในมิติเองก็คงจะน่าเบื่อไปหน่อย ข้าอยากฝากให้เขาอยู่ในมิติของเจ้า”
เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของนักพรตเต๋าในตอนนี้ เขาคงไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ
“เรื่องนี้...ข้าก็ไม่แน่ใจ หากเจ้าไม่มีที่ให้ซ่อนเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ ข้าจะให้หวังซุ่นเฝ้าติดตามให้”
เย่จิ่งหลานไม่ค่อยได้คบค้าสมาคมกับนักพรตเต๋าสองคนนัก ย่อมไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น
แต่ตามความรู้สึก สองคนนี้คงไม่ใช่คนชั่วร้าย
“ก็ได้ งั้นให้อยู่กับหวังซุ่นเถอะ”
หวังซุ่นรีบรับเด็กไปทันที
“องค์ชายน้อย ท่านจำข้าได้หรือไม่”
เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาแล้วคว้าชายเสื้อของหวังซุ่น
“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าคือหวัง~ซุ่น~”
เสียงของเสี่ยวหนานเฟิงนั้นนุ่มนวลและไพเราะ ซึ่งเสียงยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบเด็กๆ นั้นช่างน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของหวังซุ่นดูใจดีขึ้นมาทันที
ไป๋เสวี่ยสะบัดหางอันใหญ่โตไปมา แล้วเดินไปอยู่ที่ด้านข้างของเสี่ยวหนานเฟิง ดวงตาเจ้าสุนัขจ้องมองที่พวกเขาทั้งสอง
นักพรตเต๋าร่างผอมกว่าผู้นั้นทำความเคารพด้วยมือเดียว
“อาตมภาพมีนามว่าชิงอาน น้องชายน้อยเกรงใจเกินไปแล้ว”
เสี่ยวหนานเฟิงยกมือเล็กๆ ขึ้น ประกบมือคำนับอย่างถูกต้องตามมารยาท
“เย่จ้าวเอ๋อร์ คำนับนักพรตเต๋าชิงอาน”
เมื่อเห็นการแสดงมารยาทที่ถูกต้องครบถ้วนของเด็กน้อย นักพรตเต๋าชิงผิงซึ่งตัวหนากว่าเล็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะชอบเขา
“อาตมภาพชิงผิง ไม่ทราบว่าแซ่จ้าวของน้องชายคือคำว่าจ้าวที่หมายความว่าอย่างไร”
เสี่ยวหนานเฟิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “จ้าวที่หมายถึงตะวันจันทราและนภา”
ชิงผิงยิ้มแล้วถามว่า “เป็นชื่อที่ดี ใครตั้งชื่อให้เจ้า”
“เด็จพ่อข้า”
เสี่ยวหนานเฟิงพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาแจ่มชัดก็หรี่ลงอีกครั้ง ขอบตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง หยาดน้ำตาใสๆ ร่วงเผาะลงมา
“แต่ว่า ข้าไม่ได้พบเด็จพ่อมานานแล้ว”
เขาหลุบขนตาหนาลง น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลออกมาจากหางตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...