สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1149

“เสี่ยวอวี้ อวิ๋นลี่!”

เหมยชิงเกอจับมือของทั้งสองคน ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ชั่วพริบตาศิษย์พี่น้องสามสาวไม่ได้เจอกันนานกว่าสิบปี เมื่อนึกถึงสมัยที่ทุกคนเพิ่งเข้ามาในสำนัก ในตอนนั้นต่างก็ไร้เดียงสา ทุกอย่างช่างดูเหมือนเมื่อวาน

เฟิงเอ้อร์เหนียงมองไปที่เหมยชิงเกออย่างพิจารณา

“ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของศิษย์พี่ยังคงเหมือนเดิม ข้าอยากร้องไห้ด้วยความดีใจจริงๆ”

ฉุยอวี้ก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก

“ศิษย์พี่ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

นางกอดเหมยชิงเกออย่างแรง ราวกับว่าระบายความปรารถนาและความคับข้องใจมานานหลายปี

เหมยชิงเกอตบหลังนางเบาๆ

“พวกเจ้าสบายดีหรือไม่...”

อินชิงเสวียนมองไปยังศิษย์พี่น้องสามสาวที่แสดงความรู้สึกจริงใจ แล้วขยิบตาให้เย่จิ่งหลาน และอุ้มเด็กเดินออกจากที่พักหินไป

“นักพรตเต๋าสองคนในมิติของเจ้า เป็นคนแบบไหน”

เย่จิ่งหลานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

“ทำไมถึงคิดถามเรื่องนี้ล่ะ”

“ผู้อาวุโสเหมยออกมาดูแลสถานการณ์โดยรวม ให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในมิติเองก็คงจะน่าเบื่อไปหน่อย ข้าอยากฝากให้เขาอยู่ในมิติของเจ้า”

เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของนักพรตเต๋าในตอนนี้ เขาคงไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ

“เรื่องนี้...ข้าก็ไม่แน่ใจ หากเจ้าไม่มีที่ให้ซ่อนเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ ข้าจะให้หวังซุ่นเฝ้าติดตามให้”

เย่จิ่งหลานไม่ค่อยได้คบค้าสมาคมกับนักพรตเต๋าสองคนนัก ย่อมไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น

แต่ตามความรู้สึก สองคนนี้คงไม่ใช่คนชั่วร้าย

“ก็ได้ งั้นให้อยู่กับหวังซุ่นเถอะ”

หวังซุ่นรีบรับเด็กไปทันที

“องค์ชายน้อย ท่านจำข้าได้หรือไม่”

เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาแล้วคว้าชายเสื้อของหวังซุ่น

“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าคือหวัง~ซุ่น~”

เสียงของเสี่ยวหนานเฟิงนั้นนุ่มนวลและไพเราะ ซึ่งเสียงยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบเด็กๆ นั้นช่างน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง

สีหน้าของหวังซุ่นดูใจดีขึ้นมาทันที

ไป๋เสวี่ยสะบัดหางอันใหญ่โตไปมา แล้วเดินไปอยู่ที่ด้านข้างของเสี่ยวหนานเฟิง ดวงตาเจ้าสุนัขจ้องมองที่พวกเขาทั้งสอง

นักพรตเต๋าร่างผอมกว่าผู้นั้นทำความเคารพด้วยมือเดียว

“อาตมภาพมีนามว่าชิงอาน น้องชายน้อยเกรงใจเกินไปแล้ว”

เสี่ยวหนานเฟิงยกมือเล็กๆ ขึ้น ประกบมือคำนับอย่างถูกต้องตามมารยาท

“เย่จ้าวเอ๋อร์ คำนับนักพรตเต๋าชิงอาน”

เมื่อเห็นการแสดงมารยาทที่ถูกต้องครบถ้วนของเด็กน้อย นักพรตเต๋าชิงผิงซึ่งตัวหนากว่าเล็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะชอบเขา

“อาตมภาพชิงผิง ไม่ทราบว่าแซ่จ้าวของน้องชายคือคำว่าจ้าวที่หมายความว่าอย่างไร”

เสี่ยวหนานเฟิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “จ้าวที่หมายถึงตะวันจันทราและนภา”

ชิงผิงยิ้มแล้วถามว่า “เป็นชื่อที่ดี ใครตั้งชื่อให้เจ้า”

“เด็จพ่อข้า”

เสี่ยวหนานเฟิงพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาแจ่มชัดก็หรี่ลงอีกครั้ง ขอบตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง หยาดน้ำตาใสๆ ร่วงเผาะลงมา

“แต่ว่า ข้าไม่ได้พบเด็จพ่อมานานแล้ว”

เขาหลุบขนตาหนาลง น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลออกมาจากหางตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์