สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1178

อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว

“บอกเจ้าตำหนักเหมย ว่าข้ายังมีเรื่องต้องทำที่นี่ ประเดี๋ยวจะไปที่นั่นในภายหลัง”

“ขอรับ”

ลูกศิษย์ประกบมือคำนับ แล้วเดินไปตามทางเดินเล็กๆ

อินชิงเสวียนยังคงมองลงไปที่ภูเขา รู้สึกไม่สบายใจ

เย่จิ่งอวี้กล่าวปลอบใจ “คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ กลับยิ่งทำให้กังวล เจวี๋ยอิ่งพวกเขาอยู่ที่เชิงเขา ประเดี๋ยวข้าจะวาดภาพจิ่งหลานแล้วส่งลงไปที่ข้างล่าง”

อินชิงเสวียนถอนหายใจ

“ก็มีแต่ต้องทำเช่นนี้แล้ว”

เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “ไม่ไปดูทางด้านเจ้าตำหนักเหมยหรือ”

อินชิงเสวียนส่ายหัว

“ไว้ค่อยไปทีหลังก็ได้ หายากที่เราจะรวมตัวกัน เรากลับไปกินข้าวกันก่อนเถอะ!”

ในแง่ของความรู้สึก ร่างกายนี้คือลูกสาวที่พลัดพรากไปนานของเหมยชิงเกอ หากนางใส่ใจจริงๆ ย่อมมาหานางเอง

ในแง่ของเหตุผล เป็นนางที่พาเหมยชิงเกอออกจากผาเฟิงเริ่น และใช้น้ำพุวิญญาณเพื่อช่วยนางฟื้นฟูรูปลักษณ์และทักษะวรยุทธ์ดังเดิม ด้วยบุญคุณนี้ หรือว่านี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางลดตัวลงมาพบกับตัวเองสักครั้ง?

ในเมื่อนางไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องรีบไปหาถึงที่

ตอนนี้เย่จิ่งหลานออกจากตำหนักเทพแล้ว อินชิงเสวียนก็ยิ่งไม่มีอารมณ์อยากอยู่ต่อ เมื่อเหมยชิงเกอสืบทอดตำแหน่ง นางจะลงจากภูเขาพร้อมกับอาอวี้

นางไม่ใช่ชาวยุทธ์ในยุทธจักร การทำให้ต้าโจวเฟื่องฟู เจริญรุ่งเรืองและสงบสุข จึงจะเป็นสิ่งที่นางในฐานะฮองเฮาสมควรกระทำ

ส่วนทางสู่วิถีแห่งสวรรค์คืออะไรกันแน่นั้น เป็นสิ่งที่ชาวยุทธ์ควรใส่ใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง

หลังจากตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด อินชิงเสวียนก็รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก่อนที่นางจะจากไป ยังต้องเผชิญหน้ากับฉางเฮิ่นเทียนเสียก่อน

จะใช้วิธีใดทดสอบตัวตนของเขานั้น คงจะต้องใช้ความคิดอย่างหนักพอสมควร

หลังจากคิดฟุ้งซ่านตลอดทาง เมื่อรู้ตัว คนก็ได้มาถึงประตูห้องหินแล้ว

เย่จั้นและอินหลียืนมองไปรอบๆ อยู่ที่ประตู ในอ้อมแขนของอินหลีนั้น นางยังอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงที่รู้ความไว้อยู่

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน อินหลีก็ก้าวไปข้างหน้าฉับๆ ทันที

“ชิงเสวียน”

หลังจากการย่อยข้อมูลหลายชั่วยาม อินหลีก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางอย่างสมบูรณ์ การได้เห็นหลานสาวตัวน้อยที่ชอบเกาะติดนางมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวผู้งดงามหยาดเยิ้มเพียงนี้ นางก็รู้สึกปลื้มใจมาก

อินชิงเสวียนยิ้มพลางเข้ามารับเสี่ยวหนานเฟิงต่อ

“เจ้าเด็กอ้วนตัวหนักมาก อย่าอุ้มเขาเชียว ไม่งั้นแขนจะชาไปสักพัก ท่านอาหญิงรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า”

สำหรับคนในตระกูลอิน อินชิงเสวียนกลับรู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขามากกว่าเหมยชิงเกอ

อินหลีสั่นศีรษะ มองที่เสี่ยวหนานเฟิงด้วยสายตาอ่อนโยน

“ไม่หนัก เจ้าหนูน่ารักมาก นอกจากเจ้าตอนเด็กๆ แล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็นเด็กที่ดูดีขนาดนี้มาก่อนเลย”

เมื่อเสี่ยวหนานเฟิงได้ยินอินหลีชื่นชมตัวเอง ก็ปรบมืออย่างมีความสุขทันที แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสา “เด็จแม่พบอาจิ่งหลานแล้วหรือยัง”

อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“อาจิ่งหลานของเจ้าลงเขาไปแล้ว”

เย่จั้นตกใจเล็กน้อย

ดวงตาของอินหลีเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และแก้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยเนื่องจากความประหลาดใจมากเกินไป

อินชิงเสวียนเหลือบมองข้างๆ แล้วพูดว่า “ใช่ หรือว่าท่านอาหญิงไม่ชอบสถานะของเขางั้นหรือ”

อินหลีก้มศีรษะลงทันที บิดชายเสื้ออย่างไม่สบายใจ

“ข้า...ข้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียร แล้ว...จะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร”

“ทำไมจะไม่คู่ควร จะมีผู้ชายสักกี่คนในโลกที่สามารถรอผู้หญิงคนหนึ่งได้เจ็ดปี ชีวิตมนุษย์แสนสั้น ทุกคนจะมีเวลาเจ็ดปีให้ใช้กันสักเท่าไหร่เชียว ท่านอาหญิงได้พบกับชายที่หลงรักอย่างหัวปักหัวปำเช่นนี้ ก็ควรจะหวงแหน หากพลาดไป จะเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”

อินชิงเสวียนพูดตักเตือนด้วยความหวังดีจนจบ และถามอย่างสงสัย “ได้ยินมาว่าท่านอาหญิงออกจากจวนจระกูลอินตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ นี่มันเพราะเหตุใดหรือ”

อินหลีจมดิ่งอยู่กับคำพูดของอินชิงเสวียน เมื่อได้ยินประโยคนี้ จึงตื่นจากภวังค์

นางกัดมุมปาก แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ตอนที่ข้ายังเด็ก สุขภาพของท่านย่าเจ้าก็ย่ำแย่ ไปพบหมอหลายวิธีแต่ก็ไม่เกิดผล จึงเชิญหมอดูมาทำนายดวงชะตาให้ท่านย่าเจ้า ข้าบังเอิญแอบฟังอยู่ที่ประตู ได้ยินว่ามีสตรีที่มีดวงขัดกับท่านย่าของเจ้า ต้องส่งตัวไปจากตระกูลอิน ซึ่งสตรีเพียงคนเดียวในครอบครัวคือข้าเพื่อเห็นแก่สุขภาพของท่านย่าเจ้า ข้าจึงอุทิศตนบวชชี สวดภาวนาเพื่อท่านย่าเจ้า”

อินหลีถอนหายใจเบาๆ นัยน์ตาฉายแววเศร้าโศกเล็กน้อย

“บางทีข้าตั้งใจไม่พอ ไม่สามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้งได้ ท่านย่าของเจ้าก็เสียชีวิตในที่สุด”

“แล้วทำไมท่านอาหญิงไม่กลับไปตระกูลอินล่ะ?”

ดวงตาของอินหลีมืดลงทันที

“เพราะข้าโทษตัวเองอยู่ในใจเสมอมา คิดว่าตัวเองทำให้ท่านย่าเจ้าตาย จึงไม่มีหน้าจะกลับไป”

“คนผู้นั้นต้องเป็นคนหลอกลวงแน่ๆ ป่วยต้องให้หมอรักษา มีเรื่องดวงขัดกันที่ไหน ท่านอาหญิงอย่าโทษตัวเองเลย นี่ก็ผ่านไปเจ็ดปีแล้ว ท่านไม่ใช่คนของวัดสุ่ยจิ้งนานแล้ว เงินทองหามาได้ง่าย แต่เพื่อนแท้หาได้ยาก ถ้าอาหญิงมีใจต่อเสด็จอา เช่นนั้นก็ควรจะไขว่คว้าไว้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเสียใจอีก”

เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยถักผมเปียสองข้างได้กลายเป็นแม่คนแล้ว อินหลีก็อดไม่ได้ที่จะโหยหาวันที่ตัวเองจะได้มีสามีและลูกเช่นกัน

เพียงแต่...นางจะคู่ควรกับเย่จั้นได้จริงหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์