“ไม่ได้”
เหมยชิงเกอปฏิเสธทันที นางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “นางและข้าแยกทางกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้ายอมรับความเป็นแม่ลูกกันอย่างกะทันหัน นางจะไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน และตัวการสำคัญทั้งหมดนี้ก็คือเฮ่อยวนเท่านั้น มีเพียงการฆ่าเฮ่อยวน ข้าถึงจะให้คำอธิบายกับนางได้
ฉุยอวี้กล่าวว่า “ชิงเสวียนมีจิตใจแข็งแกร่งมาก ถ้าเราไม่ใช้เหตุผลนี้ เกรงว่าคงยากที่จะรั้งนางไว้ได้”
เหมยชิงเกอขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้ากับอวิ๋นลี่ช่วยข้าคิดหาทางเข้า ไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้นางลงจากภูเขาเด็ดขาด”
“นี่มัน...”
เรื่องนี้ค่อนข้างยากจริงๆ
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ฮ่องเต้จะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน อินชิงเสวียนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฮ่องเต้หนุ่ม ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เขากลับไปเพียงลำพัง
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจของฉุยอวี้
“ถ้าศิษย์พี่ใหญ่เต็มใจที่จะโน้มน้าวเย่จิ่งอวี้ อาจมีความหวังอยู่บ้าง”
เหมยชิงเกอแค่นเสียงหึและพูดว่า “ผู้ชายไม่มีใครดี ต่อให้เขาจะเป็นฮ่องเต้แล้วอย่างไร วันนี้เขาไม่แต่งตั้งนางสนม ก็ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าเขาจะไม่แต่งตั้งนางสนมอีก ในฐานะฮ่องเต้ เขาถูกชะตาลิขิตให้เป็นคนใจร้ายไร้น้ำใจที่สุดในใต้หล้า คนเช่นนี้ ข้าจะพูดอะไรได้”
ฉุยอวี้คิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ความกังวลของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล แม้ว่าฮ่องเต้จะเต็มใจที่จะอยู่กับชิงเสวียนไปตลอดชีวิต ตลอดกาล เพียงสองคนเท่านั้น แต่เหล่าขุนนางก็อาจไม่เห็นด้วย ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทายาทเสมอ ในสายตาของเหล่าขุนนาง ยิ่งมีลูกหลานมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีความสุขมาก เช่นนี้แล้วราษฎรบ้านเมืองก็จะสงบสุข”
เหมยชิงเกอ กล่าวด้วยความรังเกียจ “นี่เป็นความคิดเห็นของคนทั่วไป ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมชิงเสวียนถึงตกหลุมรักผู้ชายที่ดีแต่เปลือกนอกเช่นนี้ ถ้าเกิดเขาเปลี่ยนใจ นางจะพึ่งพาอะไรได้อีก การอยู่กับข้า คือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“คำพูดของศิษย์พี่ใหญ่รุนแรงไปหน่อย”
เสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านข้าง เฟิงอวิ๋นลี่ก็ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดมา
นางหยุดห่างจากทั้งสองสามก้าว พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนที่ข้าเปิดกิจการเรือนจุ้ยหงในเมืองหลวง ข้าได้ติดต่อกับฮ่องเต้หนุ่ม เขาไม่ใช่คนใจร้ายไร้น้ำใจจริงๆ ในเมื่อเขาประกาศแก่ใต้หล้า ว่าส่งนางสนมออกไปจากวังแล้ว ถ้าขืนพานางสนมกลับมาอีก มิกลายเป็นที่น่าขบขันของใต้หล้าหรอกหรือ”
“ใจคนเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ที่สุด ตอนชอบใครก็แสนดี ตอนที่รังเกียจ ไหนเลยจะจำคำปฏิญาณรักที่มั่นคงและยืนยงเหมือนทะเลและภูเขาได้”
เสียงของเหมยชิงเกอเย็นชา ในหัวนึกถึงฉากทั้งหมดที่มีความสนิทสนมกับเฮ่อยวน ฉากเหล่านั้นราวกับเข็มเหล็กที่แทงทะลุหัวใจของนางก็ไม่ปาน ความเจ็บปวดทะลุถึงหัวใจ แทรกซึมถึงไขกระดูก
นางค่อยๆ รวบนิ้วที่ไพล่อยู่ข้างหลัง ปล่อยให้เล็บฝังลึกเข้าไปในเนื้อ
“โลกนี้มืดมนดั่งหมู่นกกา สำหรับพวกผู้ชายแล้ว ไม่ควรมีความหวังลมๆ แล้งๆ”
ดวงตาของเหมยชิงเกอจ้องมองไปที่ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นลี่
“ได้ยินมาว่าฮั่วเทียนเฉิงกลับมาแล้ว หลังจากที่ผู้อาวุโสหันเสียชีวิต เขาก็ดูจะไม่พอใจ”
เฟิงอวิ๋นลี่ไอแห้งๆ หลุบตาลงแล้วพูดว่า “เขาอุทิศตนเพื่อเจ้าตำหนักอย่างจริงใจ ติดตามผู้อาวุโสหันเพราะถูกสถานการณ์บังคับ ตอนนี้เมื่อเจ้าตำหนักจากไปแล้ว ฮั่วเทียนเฉิงก็ย่อมมีใจมาทางศิษย์พี่ใหญ่อาวุโสอยู่แล้ว”
เหมยชิงเกอหันกลับมาแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี เขาก็เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าตำหนักด้วย ตำแหน่งผู้อาวุโสหลักทั้งสี่นี้ ต้องมีเขาด้วย”
เฟิงอวิ๋นลี่โค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
น้ำเสียงของเหมยชิงเกออ่อนลงเล็กน้อย
“เราต่างก็เป็นคนของเราเอง ไม่ต้องเกรงใจ ได้ยินมาว่าศิษย์น้องรองฉีอวิ๋นจื่อเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเฮ่อยวน นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรต้องคุยกัน ระหว่างข้ากับเขามีเพียงทางเดียว ไม่เขาตายก็ข้าตาย”
หลังจากที่เหมยชิงเกอพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในห้องโถงจื่อชี่ตงไหลโดยไม่หันกลับมามอง
ฉุยอวี้หันกลับมาแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ได้ตัดสินใจแล้ว เจ้าอย่าพูดอะไรอีกเลย หากเจ้าต้องการช่วยศิษย์พี่ใหญ่จริงๆ ทำไมไม่ไปโน้มน้าวชิงเสวียน พวกนางแม่ลูกพรากจากกันนานหลายปีขนาดนี้ ควรจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันดีๆ”
เฟิงเอ้อร์เหนียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ชิงเสวียนมีนิสัยอย่างไรนั้น ทั้งเจ้าและข้าต่างก็รู้ดี นางรู้อยู่แล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนาง แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง ถ้าต้องการให้นางอยู่จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่มายอมรับความเป็นแม่ลูกด้วยซ้ำ”
ฉุยอวี้จึงนึกขึ้นได้ ใช่ว่าอินชิงเสวียนจะไม่รู้อะไรเลย ในเมื่อนางรู้เรื่องนี้ดี แต่ยังต้องการจากไป นี่มันเกิดปัญหาจากตรงไหนกันแน่
ฉุยอวี้ไม่สามารถเข้าใจได้ เฟิงเอ้อร์เหนียงก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกัน
ทั้งสองยืนเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน
ณ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง
เฮ่อยวนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่ประตู มองดูลูกชายฝึกฝนวิชากระบี่ แต่ดวงตากลับมองผ่านร่างของเฮ่อฉางเฟิง มองไปไกลๆ ยังสถานที่ที่อันเลื่อนลอย
“ท่านพี่กำลังคิดอะไรอยู่”
เฮ่อยวนมองทอดสายตาไปไกล พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ “จู่ๆ ข้าก็นึกไม่ออกว่าการประลองยุทธ์ระหว่างอิ๋นเฉิงกับตำหนักเทพมีขึ้นเพื่ออะไร ตำนานเรื่องทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั้นเป็นเพียงเรื่องหลักลอย เพื่อที่จะแข่งขันแย่งชิงสถานที่ดังกล่าว มันคุ้มค่ากับการสูญเสียความสงบสุขแล้วงั้นหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...