สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1222

เสียงของคนชุดดำทุ้มลึกและแหบแห้ง ทำให้ยากต่อการแยกแยะว่าเป็นชายและหญิง

เหมยชิงเกอกอดเฮ่อยวน แล้วเหาะไปไกลหลายจั้ง

“อวิ๋นลี่ พาเขากลับไปที่ห้องโถงจื่อชี่ตงไหลก่อน”

เฟิงอวิ๋นลี่มารับร่างของเฮ่อยวน และตะโกนอย่างเร่งด่วนว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ทักษะของคนผู้นี้แปลกมาก ท่านต้องระวัง”

“อย่าพูดไร้สาระ รีบไป”

เหมยชิงเกอใช้วิทยายุทธ์ของตำหนักเทพ พลังงานสีม่วงอันเข้มข้นก็แพร่ปกคลุมไปทั่วร่างกายของนางในทันที คนทั้งคนเหมือนกำลังยืนอยู่ในก้อนกลุ่มเปลวไฟสีม่วง อันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว

ร่างของคนชุดดำก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มแสงสีขาว โดยมีแสงดาวอยู่ข้างใน รังสีอำมหิตกดดันผู้คน

“ส่งเฮ่อยวนมาให้ข้า”

คนชุดดำตบฝ่ามือ พลังของฝ่ามือก็เหมือนกับลมภูเขาคำราม ห่อหุ้มตัวเหมยชิงเกอไว้ในนั้น

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

เหมยชิงเกอซัดฝ่ามือออกไป ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ต่างถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แสงดาวหลายจุดทะลุผ่านพลังงานสีม่วงที่ป้องกัน และทะลุเข้าไปในเส้นเลือดหัวใจของเหมยชิงเกอ

เหมยชิงเกอรู้สึกเจ็บปวดเส้นลมปราณอย่างรุนแรง อดไม่ได้ที่จะตกใจ ทักษะอะไรกัน ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้

คนชุดดำพูดอย่างเย็นชาว่า “แน่นอนข้ามาจากอิ๋นเฉิง เป็นเจ้าเมืองเฮ่อที่ให้ข้าอยู่ที่นี่ รอโอกาสที่จะปลิดชีวิตเจ้า”

เหมยชิงเกออดไม่ได้ที่จะขบกรามแน่น แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

หากเฮ่อยวนต้องการฆ่านาง ทำไมเมื่อครู่ถึงเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องนาง ถ้าพวกเขาทั้งสองลงมือพร้อมกัน จะไม่เร็วกว่าหรือ

“หุบปากซะ เว้นแต่เฮ่อยวนจะยอมรับเอง ข้าจะไม่เชื่อคำโกหกของเจ้า”

คนชุดดำหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ในตอนนั้นคนที่ไล่ล่าเจ้า มีทั้งหมดยี่สิบห้าคน หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าตัวเองคุกเข่าขอความเมตตาอย่างไร”

ทันใดนั้นดวงตาของเหมยชิงเกอก็ลุกเป็นไฟ นางเย่อหยิ่ง ต้องการทำให้ดีที่สุดในทุกสิ่ง แม้ว่าจะถูกผู้อาวุโสหันกักขังอยู่ในหน้าผาเฟิงเริ่น แต่ก็ไม่เคยร้องขอความเมตตาเลยสักครั้งในชีวิต มีเพียงครั้งเดียวที่ยอมคุกเข่าอ้อนวอน ก็เพื่อลูกสาวของนางเอง

“เจ้ารู้ชัดเจนจริงๆ?”

คนชุดดำกล่าวเสียงเย็นชา

“เป็นเฮ่อยวนที่ต้องการให้เจ้าตาย เขาให้ข้ามา ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”

เมื่อเห็นสิ่งที่คนชุดดำพูดอย่างชัดเจน เหมยชิงเกอก็หวั่นไหวอีกครั้ง ถ้าเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง จะรู้รายละเอียดปลีกย่อยชัดเจนได้อย่างไร

“หนี้แค้นของเฮ่อยวนข้าย่อมสะสางเอง ในเมื่อเจ้าเป็นคนลงมือ เช่นนั้นเจ้าต้องชดใช้ ที่ทำให้เราสองแม่ลูกต้องพรากจากกันนานนับสิบปี”

เหมยชิงเกอทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในเส้นลมปราณ ยกฝ่ามือขึ้นโจมตี ฉุยอวี้ก็ใช้วิทยายุทธ์เซียวเหยาที่ตัวเองเป็นผู้คิดค้นเช่นกัน

พวกนางทั้งสองร่วมมือกัน แต่คนชุดดำก็ไม่เสียเปรียบด้วยซ้ำ

แต่หลังจากผ่านไปสิบกระบวนท่า ฉุยอวี้ก็ถูกโจมตี เส้นลมปราณทั่วร่างกายเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

คนชุดดำเต็มไปด้วยความสุข สมแล้วที่เป็นวิชาต้องห้ามของอิ๋นเฉิง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ

“เหมยชิงเกอ เมื่อสิบกว่าปีก่อนข้าไม่ได้สังหารเจ้า วันนี้ข้าจะทำให้ที่นี่เป็นที่ตายของเจ้า”

คนชุดดำใช้กำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง ควบคุมทั้งสองไว้ภายใต้ฝ่ามือ

ในเวลาเดียวกัน ใบไม้สองใบก็ปลิวไปจากระยะไกลและตัดไปที่ฝ่ามือของคนชุดดำ ทันทีใดนั้นร่างที่มีผมขาวโพลน ก็ลอยมาตามสายลม

จากนั้น เสียงเสื้อผ้าหลายชุดก็ดังแหวกอากาศ ซึ่งทุกคนล้วนเป็นอาคันตุกะของตำหนักเทพ

ทุกคนได้ยินเสียงระฆังดัง จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือทันที

หลังจากที่เหมยชิงเกอเข้ามารับช่วงต่อ นางก็ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความสุภาพ จัดการกิจการทั้งหมดในตำหนักอย่างเป็นระเบียบ เมื่อก่อนผู้อาวุโสเหล่านี้เคยนึกดูหมิ่นเหมยชิงเกอที่เป็นเพียงหญิงตัวเล็กๆ แต่หลังจากได้คลุกคลีด้วยกันนานกว่าหลายสิบวัน กลับทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก

ใบหน้าของคนชุดดำเปลี่ยนไปในฉับพลัน

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกลูกสุนัขที่น่ารำคาญเหล่านี้ คงฆ่าเหมยชิงเกอด้วยน้ำมือของตัวเองได้แล้ว

เวลานี้สองหมัดยากที่จะต้านทานสี่มือได้ ทำได้เพียงรอโอกาสในวันหน้า เมื่อนึกได้ดังนี้ ก็แกล้งสับขาหลอก โจมตีไปทางอาคันตุกะที่วรยุทธ์ด้อยกว่า ดีดปลายเท้าขึ้น และใช้โอกาสนี้หลบหนี

“จะหนีไปไหน!”

ลิ่นเซียวยกกระบี่ขึ้นไล่ตามไป อุตส่าห์ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สูสีกับเขาทั้งที ยังไม่ได้เล่นสนุกเต็มที่เลย คู่ต่อสู้จะจากไปได้อย่างไร

เหมยชิงเกออดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “ท่านลิ่น อย่าไล่ตามหมาจนมุม!”

ลิ่นเซียวไม่ฟังนางเลย และในพริบตาก็หายตัวไป

ฉุยอวี้ใช้กระบี่ยันพื้น ต้องการที่จะยืนขึ้นไปช่วยประคองเหมยชิงเกอ แต่ขาของนางกระตุกด้วยความเจ็บปวด และคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง

มีอาคันตุกะที่ตกหลุมพรางเช่นกัน ทั้งสองคนเพื่อไม่ให้ถูกหัวเราะเยาะ จึงต้องกันฟันฝืนลุกขึ้นยืน

เหมยชิงเกออดทนต่อความเจ็บปวดและนั่งขัดสมาธิบนพื้น กล่าวกับอาคันตุกะที่ไม่โดนเศษดาวตกว่า “รบกวนผู้อาวุโสทุกท่านช่วยคุ้มกันพวกเราด้วย เราจะใช้กำลังภายในบังคับสิ่งนั้นออกมา”

คนอื่นๆ ก็ทำตามทันที ต่างโคจรพลังลมปราณ

อย่างไรก็ตาม เหมยชิงเกอกลับคิดผิด

จุดดาวเหล่านี้ไม่มีพิษ ไม่สามารถกำจัดได้เลย ยิ่งเลือดไหลเวียนเร็วเท่าไร จุดดาวนั้นก็ยิ่งไหลเวียนเร็วขึ้นเท่านั้น มันวิ่งไปมาตามแขนขา คมกริบราวกับถูกเฉือนเนื้อ

อาคันตุกะที่ได้รับบาดเจ็บทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่กลัวว่าหากกรีดร้องจะเป็นที่ขายหน้า จึงจี้สกัดจุดสลบของตัวเอง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นทีละคน

เหมยชิงเกอก็มีเหงื่อออกมากเช่นกัน แต่เพียงสิบห้านาที เสื้อผ้าของนางก็เปียกโชก

ฉุยอวี้ร้องครวญเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด กัดฟันแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ รีบ...ส่งคนไปตามหาชิงเสวียน...น้ำของนาง...อาจมีประโยชน์”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์