เงาสีขาวสองเงากระโดดเข้ามาจากด้านนอกกำแพง แต่ละตัวต่างพุ่งเข้าหาฉีอวิ๋นจื่อและหันเจิงหมิง
เมื่อเห็นสุนัขและหมาป่า ทั้งคู่ก็ตกใจ สีหน้าของฉีอวิ๋นจื่อก็เปลี่ยนไป นางได้ยินฉุยอวี้พูดว่าอินชิงเสวียนมีสุนัขตัวสูงใหญ่สีขาวปลอด ในเมื่อเจ้าสุนัขอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นอินชิงเสวียนต้องอยู่ใกล้ๆ ด้วย
หมอกควันกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ หมาป่าสีขาวก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ฉีอวิ๋นจื่อฉวยโอกาสนี้เหาะขึ้นฟ้าทันที
หันเจิงหมิงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง การหลบหนีเอาตัวรอดเป็นสิ่งสำคัญกว่า
หันเจิงหมิงไม่รู้เรื่องนี้ และไม่เคยคิดเลยว่าสัตว์ทั้งสองจะมีเจ้าของ ในใจยังคงคิดที่จะโค่นสัตว์ทั้งสองตัวลง จัดการทุบตีเพื่อเป็นการสังเวย ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ได้เข้ามาในลานบ้านแล้ว
“ท่านคือหันเจิงหมิง? ฉีอวิ๋นจื่อล่ะอยู่ที่ไหน”
เมื่อมองดูชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาสมบูรณ์แบบคนนี้ หันเจิงหมิงก็สะดุ้งเล็กน้อย
“เจ้าคือ...”
“เย่จิ่งอวี้”
“เป็นเจ้าที่ฆ่าพ่อข้า!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หันเจิงหมิงก็ตาแดงก่ำ กวาดเท้าเตะขึ้นไป บังคับให้ไป๋เสวี่ยถอยกลับ และฝ่ามือก็ปล่อยพลังแสงสีม่วงพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเย่จิ่งอวี้ราวกับสายฟ้า
พลังอันท่วมท้นเข้ามาหาเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวรยุทธ์ของหันเจิงหมิงไม่ได้อ่อนแอจริงๆ
เย่จิ่งอวี้พลิกศอกกลับ แล้วนิ้วเรียวยาวของเขาก็คว้าข้อมือของหันเจิงหมิง
“พ่อของท่านลักพาตัวภรรยาและลูกของข้า จองจำเจ้าตำหนัก เขาสมควรตายแล้ว”
“เหลวไหล วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ชีวิตของพ่อข้า”
ดวงตาของหันเจิงหมิงลุกโชน การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยท่าทางที่เจตนาเอาชีวิต
ในทางกลับกัน เย่จิ่งอวี้กลับใช้การควบคุมศัตรูเป็นหลัก ท่าร่างเคลื่อนไหวไม่แน่นอน ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะฆ่าหันเจิงหมิงเลย
เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหันเจิงหมิง และรู้สึกเห็นใจคนสติวิปลาสคนนี้อย่างสุดซึ้ง
“อย่าดื้อรั้นอีกเลย ทุกคนในตำหนักเทพรู้เรื่องผู้อาวุโสหัน ข้าก็ไม่มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับท่าน บอกข้ามาว่าฉีอวิ๋นจื่ออยู่ที่ไหน”
หันเจิงหมิงตะโกนด้วยความโกรธว่า “ข้าไม่รู้ ไอ้หนู ตายซะเถอะ”
ศัตรูที่ฆ่าพ่ออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หันเจิงหมิงแทบอยากจะฆ่าเขาทันที
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ฟังอะไรเลย กดดันอย่างรุนแรง เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“หันเจิงหมิง ในเมื่อท่านไม่บอกข้า งั้นข้าก็มีแต่ต้องพาท่านกลับไปที่ตำหนักเทพ”
ขณะที่เย่จิ่งอวี้คิด พลังแห่งฟ้าดินก็หลอมรวมอยู่รอบๆ ตัว และทุกฝ่ามือและทุกนิ้วที่ซัดพลังออกไปล้วนมีหลักการแห่งเต๋าที่มองไม่เห็น
หันเจิงหมิงรู้สึกว่าการหายใจติดขัดขึ้น เจ้าเด็กนี่อายุไม่มาก แต่กลับมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเพียงนี้ ช่างน่าตกใจจริงๆ
มีเสียงในใจดังขึ้นว่า “กลัวอะไร ฆ่าเขาสิ เจ้ามีความสามารถ”
ความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้หันเจิงหมิงค่อยๆ สูญเสียสติ พลังงานสีดำก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา
น้ำพุวิญญาณสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความชั่วร้าย เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“คิดว่าท่านที่มาจากสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง จะฝึกฝนทักษะชั่วร้ายเช่นนี้ อย่ามีชีวิตอยู่เลย!”
เขาหลบฝ่ามือของหันเจิงหมิง และเหาะขึ้นไปในอากาศ โจมตีไปยังจุดไป่ฮุ่ยที่อยู่กลางกระหม่อมศีรษะของเขาโดยตรง
จู่ๆ หันเจิงหมิงก็เปลี่ยนกระบวนท่า ยกมือขึ้นโจมตีใส่เย่จิ่งอวี้ เขารู้สึกถึงพลังอันท่วมท้นที่มาจากด้านบน และทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่แขนอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกัน หมอกดำก็มีขนาดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ฆ่า ฆ่าเขา!
ดวงตาของหันเจิงหมิงมืดมน พลางพ่นคำว่าฆ่าไม่ขาดปาก
“ตายซะ!”
เย่จิ่งอวี้เตะปัด มือของเขาได้ลอดผ่านช่องว่างที่คอของเขาไปแล้ว ดัชนีกระบี่สองนิ้วพลันระเบิดพลัง ชี้ตรงไปที่หัวใจของหันเจิงหมิง
จู่ๆ หันเจิงหมิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ร่างของเย่จิ่งอวี้นั้นรวดเร็วราวกับผี วนเวียนอยู่ข้างหลังเขา ตบที่หลังคอของเขา
พลังงานสีดำในร่างกายของหันเจิงหมิงก็หายไป ภาพเบื้องหน้าพลันมืดลงและล้มลงกับพื้น
ไป๋เสวี่ยและหมาป่าน้อยสีขาวนั่งข้างกันคอยเฝ้าดูการต่อสู้อย่างรู้ความ เมื่อเห็นหันเจิงหมิงล้มลงกับพื้น เจ้าหนูทั้งสองก็ส่งเสียงเห่าหอนออกมาด้วยความดีใจพร้อมกัน หมาป่าสีขาวก็รู้สึกชื่นชมเย่จิ่งอวี้มากขึ้นอีกเล็กน้อย
ทักษะของบุคคลนี้แปลกมากจนเย่จิ่งหลานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อครู่หากเขาใช้มิติจับตัวฉีอวิ๋นจื่อเข้าไป ตอนนี้คงทำภารกิจสำเร็จแล้ว ความประมาทไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยจริงๆ
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น มือเหล็กที่สามารถยืดเข้าออกโดยอัตโนมัติก็คว้ามาที่เขาแล้ว
เมื่อถูกโจมตีจากทั้งสองด้าน และเย่จิ่งหลานก็ไม่มีความวันใจ เขาทำมือประสานอินแบบนินจา เหาะถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ในใจอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของเหมยชิงเกอ
เขาตะโกนทันทีว่า “กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง นังแก่จอมปลอม ข้ารู้นะว่าเป็นเจ้า”
การแสดงออกของคนชุดดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย เย่จิ่งหลานจดจำรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในดวงตาของเขาไว้ บางทีเขาอาจจะเดาถูกไปแล้วก็ได้
ฉีอวิ๋นจื่อก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเป็นเพียงคนขี้ขลาด จะมีทักษะวรยุทธ์ที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไร
“เหลวไหล ข้าไม่รู้จักกงซวินอวิ๋นเฟิ่งอะไรนั่นเลย”
คนชุดดำพูดอะไรบางอย่างอย่างเย็นชา และโจมตีเย่จิ่งหลานอีกครั้ง
ชั่วขณะหนึ่งลมปราณที่นุ่มนวลเยียบเย็นก็แทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังในทันที เย่จิ่งหลานอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ให้ตายเถอะ วิธีวรยุทธ์ที่บิดเบือนนี้แปลกประหลาดจริงๆ
เท้าไม้ของคนชุดดำเหยียบย่ำลง แต่ร่างนั้นรวดเร็วราวกับผี ในชั่วพริบตาเขาก็มาถึงตัวเย่จิ่งหลานแล้ว
“ตายซะ!”
“พ่อเจ้าน่ะสิที่ต้องตาย เจ้าท่าทางเหมือนหมาก็ยังมีชีวิตอยู่ แล้วข้าจะยอมตายได้อย่างไร!”
เย่จิ่งหลานรู้สึกชัดเจนว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างวรยุทธ์ของเขาเองกับของคู่ต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงรีบถูน้ำมันบนฝ่าเท้าเตรียมจะหนีทันที
ไอ้ผีชุดดำนี้ไม่เพียงแต่มีกำลังภายในที่ลึกล้ำ แต่อากาศเย็นที่ทะลุผ่านร่างกายของเขาดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อจิตใจด้วย ทำให้ความคิดของเขาเฉื่อยชาเล็กน้อย
ชาวตงหลิวมักจะมีวรยุทธ์หลบหนีได้ดีเสมอ สิบห้านาทีต่อมา เย่จิ่งหลานก็แยกตัวออกจากทั้งสองคน และเข้าไปสูบบุหรี่ในมิติ
คนชุดดำไล่ตามเขามาที่นี่ แต่กลับไม่ได้กลิ่นอายของเย่จิ่งหลาน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ ล้มต้นไม้ใหญ่ด้วยการซัดฝ่ามือเพียงข้างเดียว
“ปล่อยให้เจ้าเด็กเวรนั่นหนีไปได้อีกแล้ว”
ฉีอวิ๋นจื่อหลยเศษไม้ที่กระเด็น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ท่าน ท่าคือกงซวินฮูหยินจริงๆ หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...