ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ได้หิ้วตัวหันเจิงหมิงที่ถูกควบคุมตัวกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้ว
เมื่อเห็นเหมยชิงเกอที่อยู่ในวัยสาวดังเดิม หันเจิงหมิงก็ค่อนข้างประหลาดใจ
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับคนในความทรงจำ ไม่ได้แก่ชราขึ้นเลยแม่แต่น้อย
เมื่อมองดูผมสีขาวที่ตกลู่ลงมาของตัวเอง จู่ๆ ก็รู้สึกด้อยค่าตัวเองทันที
“ศิษย์พี่หัน ทำไมท่านถึงจากไปกับฉีอวิ๋นจื่อ”
เหมยชิงเกอเข้าใกล้อีกสองก้าว แล้วมองลงไปที่หันเจิงหมิง
หันเจิงหมิงเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ย่อมได้ เอาหัวของเจ้าเด็กนี่ไปขอขมาที่หลุมศพท่านพ่อข้า แล้วข้าจะกลับมาที่ตำหนักเทพ”
หันเจิงหมิงวิปลาสมานานกว่าสิบปี เขาติดอยู่ในโลกของตัวเองมาโดยตลอด และคำพูดก็ดูไร้เดียงสา
ดวงตาของอินชิงเสวียนเย็นชา แม้ว่านางจะเห็นใจที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ก็ไม่สามารถเสียสละชีวิตของสามีตัวเองได้ ดูว่าเหมยชิงเกอจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
เหมยชิงเกอยิ้มบางๆ และพูดว่า “คนผู้นี้เป็นลูกเขยของข้า อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเขาทำถูกต้อง แม้ว่าเขาจะทำผิดจริงๆ ศิษย์พี่หันก็ตัดสินใจแทนไม่ได้ ผู้อาวุโสหันจับเจ้าตำหนักเป็นตัวประกัน ปลอมแปลงคำสั่งเจ้าตำหนักคุมขังข้าไว้ที่ผาเฟิงเริ่นมานานหลายปี ข้าเหมยชิงเกอเป็นคนชัดเจนในเรื่องบุญคุณความแค้นเป็นอย่างดี ความแค้นที่ผู้อาวุโสหันก่อได้รับการล้างแค้นแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หันเลย หากศิษย์พี่หันคิดจะก่อความยุ่งยากให้ลูกเขยข้าจริงๆ เหมยชิงเกอก็จะเข้าร่วมด้วยจนถึงที่สุด แต่ว่า...”
เมื่อนึกถึงตอนที่ทุกคนเล่นด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เหมยชิงเกอก็หยุดชะงักครู่หนึ่ง
“ข้ายังคงหวังว่าศิษย์พี่หันจะไม่ลืมคำสอนของเจ้าตำหนัก ไม่สับสนระหว่างบุญคุณความแค้นกับความรู้สึกส่วนตัว”
เหมยชิงเกอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะละทิ้งความแค้นในการฆ่าพ่อ นี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้น ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการยุติมิตรภาพครั้งสุดท้ายที่อยู่ร่วมสำนักเดียวกันมานานหลายปี
แน่นอนว่า หันเจิงหมิงพูดด้วยความโกรธว่า “ความแค้นที่ฆ่าพ่อไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ ข้าหันเจิงหมิงจะอยู่ร่วมสำนักกับศัตรูได้อย่างไร ในเมื่อข้าตกอยู่ในมือของพวกเจ้า ก็มีแต่ต้องยอมรับว่าข้าโชคร้าย จะฆ่าจะแกง ก็ตามใจต้องการเลย”
เหมยชิงเกอพูดเบาๆ “ข้าจะไม่ฆ่าท่าน หากเจ้าไม่มีใจที่จะอยู่ในตำหนักเทพ เช่นนั้นก็บอกข้ามาว่าคนชุดดำกับฉีอวิ๋นจื่ออยู่ที่ไหน แล้วข้าจะส่งท่านลงจากภูเขาด้วยตัวเอง”
หันเจิงหมิงเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน
“เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ข้ารู้ข้าก็จะไม่บอก”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงเยาะเย้ยเบาๆ และพูดว่า “ดูเหมือนว่าในสายตาของฉีอวิ๋นจื่อ ท่านก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”
หันเจิงหมิงหันไปทางอินชิงเสวียนทันที และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นอายุราวสิบหก ทว่าใบหน้าแววตากลับดูคล้ายคลึงกับเหมยชิงเกออยู่หลายส่วน ใบหน้างามได้สัดส่วน พร้อมด้วยรัศมีที่ดูสูงส่งและไม่เหมือนใคร ถือได้ว่าเป็นสตรีรูปโฉมงดงามหยาดเยิ้มที่หาได้ยากในโลก
“ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์”
“โอ้? ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์มีค่ายกลด้วย ท่านเข้าไปได้อย่างไร”
หันเจิงหมิงพูดด้วยสายตาทื่อๆ ว่า “คนชุดดำพาพวกเราเข้าไป”
“เขามาจากอิ๋นเฉิงหรือเปล่า”
อินชิงเสวียนถามคำถามติดๆ กัน
หันเจิงหมิงหยุดชั่วคราว
“ใช่ คงจะใช่”
“แล้วเขาเป็นชายหรือหญิงล่ะ? มอบหมายงานอะไรท่านทำ”
หันเจิงหมิงมองไปข้างหน้า พูดด้วยสายตาเหม่อลอย “ข้าไม่รู้ว่าชายหรือหญิง เขาให้เราคอยหาโอกาสที่จะฆ่าเหมยชิงเกอในวันประลองยุทธ์...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...