สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1270

“ข้าไว้ใจอยู่แล้ว แต่เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยต่อสู้กับใครเลย...”

ก่อนที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจะพูดจบ เฮ่อฉางเฟิงก็ลุกขึ้นยืน

“ไม่ต้องกังวลหรอกท่านแม่ ลูกเคยไปเป่ยไห่มาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามอย่างเป็นทางการ แต่ก็เคยต่อสู้กับผู้อื่น”

เขายิ้มอย่างมั่นใจ แล้วกระโดดขึ้นไปบนแท่นประลอง

อินชิงเสวียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน

“ท่านแม่ รอบนี้ ให้ลูกสู้นะเจ้าคะ”

เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดอีก อินชิงเสวียนตัดสินใจลงสนามต่อสู้ด้วยตัวเอง เพื่อทดสอบด้วยว่าเฮ่อฉางเฟิงมีเจตนาใดหรือไม่

“นี่...”

เดิมทีเหมยชิงเกออยากจะบอกว่านางไม่ใช่คนของตำหนักเทพ แต่อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าเบาๆ และจรดปลายเท้าลงที่แท่นประลองอย่างสง่างามแล้ว

เฮ่อฉางเฟิงยังคงสุภาพอ่อนโยน ประกบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเล็กสบายดีหรือไม่ พี่ชายขอคำนับแล้ว”

อินชิงเสวียนประกบมือคารวะกลับ สีหน้าอ่อนโยน

“พี่ชายเกรงใจไปแล้ว ได้ประลองยุทธ์กับพี่ชาย เป็นความโชคดีของน้องเล็กแล้ว”

จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็พูดเสียงดังว่า “วรยุทธ์ของแม่นางอินนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าเคยสัมผัสมาแล้วที่เป่ยไห่ ข้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางอิน ต้องขอยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้ชมก็เกิดความโกลาหล

มีคนตะโกนว่า “นี่มันหลักการอะไร ยังไม่ทันได้ประลองยุทธ์ก็ยอมแพ้แล้ว ทำไมคนในอิ๋นเฉิงถึงขี้ขลาดขนาดนี้”

“ใช่แล้ว เราจ่ายเงินเพื่อมาชม ถ้าพวกเจ้าไม่สู้กัน ก็คืนเงินให้เราด้วย”

“คืนเงิน คืนเงิน!”

ทุกคนเริ่มตะโกน กลุ่มฝูงชนเกิดความเดือดดาล

สองสำนักชั้นนำในยุทธจักรมีการประลองยุทธ์เพียงครั้งเดียวทุกๆ ห้าสิบปี เดิมทีมีการประลองดนตรี หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษร และการวาดภาพด้วย แต่ตอนนี้ลดลงเหลือเพียงสามรอบการประลองยุทธ์เท่านั้น ทุกคนในที่นี้เริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว เห็นแก่ที่สำนักของพวกเขาใหญ่โต มีการจัดเตรียมของกินหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงทนได้ แต่ตอนนี้กลับยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่ได้ต่อสู้เลย มิเท่ากับว่าเสียเงินเปล่าหรอกหรือ

ในช่วงสองวันนับตั้งแต่พวกเขาขึ้นเขา ทุกคนก็พอรู้เรื่องบางอย่างเช่นกัน รู้ว่าอินชิงเสวียนเป็นลูกสาวของเหมยชิงเกอ และเฮ่อฉางเฟิงก็เป็นเจ้าเมืองน้อยแห่งอิ๋นเฉิง

แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะไม่ได้ออกหน้ามาสู้กัน แต่การได้วรยุทธ์ของลูกๆ ของพวกเขาก็ดูน่าสนใจมากกว่าวรยุทธ์ของศิษย์ทั่วไป ย่อมไม่อาจยอมให้เฮ่อฉางเฟิงยอมแพ้ตามใจได้

อินชิงเสวียนยักไหล่

“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ประลองสักหน่อยจะไม่ได้นะ”

นางก้าวไปข้างหน้าและกระซิบว่า “ตำหนักเทพเก็บเงินได้จำนวนมาก ขอให้พี่ชายโปรดร่วมมือด้วย”

แม้ว่าผู้ฝึกฝนจะไม่สนใจเรื่องสุราอาหารรสเลิศ แต่อินชิงเสวียนก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นศิษย์ตำหนักเทพเหล่านี้กินแต่ผักใบเขียว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช้เงินปรับปรุงคุณภาพชีวิต แต่การมีเงินอยู่ในมือก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำและการแหกปากตะโกนของผู้คนในกลุ่มผู้ชม เฮ่อฉางเฟิงไม่คาดคิดว่าชาวยุทธ์เหล่านี้จะกระตือรือร้นขนาดนี้ เช่นนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องแสดงเท่านั้น

“น้องเล็กเชิญ”

วิชาหัตถ์เพียวเหมี่ยวสิบสามท่านั้นใช้ความเบาและว่องไวเป็นหลัก เสื้อผ้าของเฮ่อฉางเฟิงสั่นพลิ้ว ทำให้การต่อสู้เป็นอิสระและง่ายดาย ซึ่งดูเพลิดเพลินมาก

อินชิงเสวียนใช้หัตถ์เมฆาม่วงของตำหนักเทพ หัตถ์นั้นหนักแน่นและทรงพลัง เป็นการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานความแข็งและความนุ่มนวลเข้าด้วยกัน ประหนึ่งเมฆาม่วง ซึ่งส่งเสริมให้วิชาหัตถ์ของอิ๋นเฉิงเด่นชัดขึ้น

ด้านหนึ่งเป็นอิสระ ง่ายดาย และเฉียบแหลม ในขณะที่อีกด้านหนึ่งสงบราวกับจุดสูงสุด ในชั่วพริบตา ก็มีการเคลื่อนไหวนับร้อยกระบวนท่า

เย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เห็นวรยุทธ์ของนางเพียงไม่กี่วัน ทักษะวรยุทธ์ของหญิงสาวจะก้าวหน้าขนาดนี้!

ผู้คนในกลุ่มผู้ชมต่างเฝ้าดูอย่างตั้งใจ วิชาหัตถ์ทั้งสองชุดนี้ลึกลับจริงๆ มิน่าเล่าทั้งสองสำนักถึงได้อยู่บนจุดสูงสุดของยุทธ์ภพ

หลายคนรู้จักอินชิงเสวียน รู้ว่านางเคยเดินทางไปที่เป่ยไห่ จากนั้นก็เริ่มวางเดิมพัน ลงว่าอินชิงเสวียนจะเป็นผู้ชนะ

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนแข็งแกร่งแค่ไหน เฮ่อฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากเอาชนะ

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชาย แม้ว่าอยากตั้งใจแพ้ให้น้องสาว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องได้เห็นของจริงก่อน จึงต้องการชนะ แล้วค่อยหาจังหวะเผยจุดอ่อนให้อินชิงเสวียน

ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าอินชิงเสวียนดูเหมือนจะรู้จักการเคลื่อนไหวของอิ๋นเฉิงเป็นอย่างดี ต่อให้ท่านพ่อจะสอนนาง แต่ก็ไม่สามารถไปถึงระดับนั้นได้ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ หรือว่าน้องสาวมีพรสวรรค์พิเศษผู้เป็นยอดอัจฉริยะ?

ดูเหมือนจะยากหากต้องการเอาชนะน้องสาวด้วยกระบวนท่าธรรมดาของอิ๋นเฉิง เช่นนั้นก็ลองใช้วิชากระบี่ที่ท่านแม่สอนให้ดีกว่า

จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็เปลี่ยนกระบวนท่า ยกมือขึ้นเป็นดัชนีกระบี่ และชี้ไปที่อินชิงเสวียน

ด้านล่างแท่นประลอง สีหน้าของเหมยชิงเกอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

วิชาดัชนีนี้...เหมือนกับวิชากระบี่ที่คนชุดดำใช้ไล่ล่าตนเองในอดีตทุกประการ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์