สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1272

การประลองระหว่างเจ้าสำนักทั้งสองนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการประลองระหว่างผู้เยาว์มาก

แม้ว่าเหมยชิงเกอจะถูกจองจำคุกมานานกว่าสิบปี แต่มีอินชิงเสวียนเป็นผู้ช่วยขั้นสูง สามารถดื่มน้ำพุวิญญาณและแช่น้ำได้ตามต้องการ ทักษะวรยุทธ์ของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ทั้งสองระดมหมัดมือปะทะกัน ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ ทุกครั้งที่ต่อสู้กันจะเกิดลมพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ชายเสื้อคลุมของทั้งสองพลิ้วไหว พัดลอยขึ้นไป แม้จะเป็นพลังที่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่สูญเสียความงดงามและท่วงท่าของสำนักใหญ่

ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าพูดอะไร สถานที่แห่งนั้นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆ

ฉุยอวี้และลูกศิษย์หลายคนต่างก็อยู่ในอารมณ์ตึงเครียด ทุกคนรอมานานหลายปีกว่า ก็เพื่อสิทธิ์ในการครอบครองทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ซึ่งในจำนวนรวมถึงอาคันตุกะจากตำหนักเทพ

ทุกคนต่างจินตนาการว่าตนเป็นผู้โชคดีที่สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้ มีชื่อเสียงในยุทธจักรในชั่วพริบตา

ดังนั้นการประลองรอบสุดท้ายนี้ สามารถกล่าวได้ว่าได้รับความสนใจอย่างมาก

ในขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แสงดาวก็ลอยออกมาจากป่า มุ่งหน้าตรงไปหาเหมยชิงเกอ

ความเร็วของแสงดาวนั้นเร็วมาก ประกอบกับเป็นเวลากลางวัน มีแสงแดดส่องประกาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจจับแสงเล็กๆ นี้ได้ทัน

เหมยชิงเกอรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ใบหน้าซีดเผือด แต่ยังคงสามารถยกมือขึ้นตบท่อนอกของเฮ่อยวนได้

เฮ่อยวนถอยหลังหนึ่งก้าว โซเซและล้มลงกับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก เขาพยายามดิ้นรนแต่ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

“ข้า...ยอมแพ้แล้ว ชนะสองในสามรอบ อิ๋นเฉิงจะมอบสิทธิ์ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ให้กับเจ้าตำหนักเหมย”

เหมยชิงเกอปิดหน้าอก เกือบจะล้มลง จำต้องชักกระบี่ยาวออกมาพยุงร่างกายไว้ มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก แต่ยังคงพูดด้วยเสียงที่อ่อนแอ “เจ้าเมืองเฮ่อ ออมมือแล้ว”

ทันใดนั้นศิษย์ของตำหนักเทพหอทองคำก็ส่งเสียงโห่ร้องไชโย อาคันตุกะทุกคนต่างก็ตื่นเต้นยินดี แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ แต่ในท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็ออกมาดี ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว

หลายคนแทบรอไม่ไหว อยากไปดูที่ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เดี๋ยวนี้เลย

ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมยินดีอยู่นั้น เงาแสงหนึ่งก็พุ่งลงมาจากอากาศ ทั้งร่างคล้ายจะถูกห่อหุ้มด้วยวงแสงดาว พร่างพรายเจิดจ้า และฝ่ามือนั้นก็กระแทกใส่ศีรษะของเหมยชิงเกอ

ความเร็วของนางเร็วมาก ประดุจดาวตกที่ตกลงมา อันที่จริง สิ่งนี้ดูเหมือนดวงดาวจริงๆ แสงสีขาวสว่างจ้าปกคลุมร่างกายของบุคคลนั้นจนมิด จนไม่สามารถมองเห็นร่างคนได้อีก

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหาะขึ้นไปบนแท่นประลองทันที ดูเหมือนนางจะตกใจ คว้าเฮ่อยวนไว้แน่น

“ท่านพี่!”

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนผู้นั้นกำลังจะเผชิญหน้ากับเหมยชิงเกอ เหมยชิงเกอก็เงยหน้าขึ้นในบัดดล กระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ

“ฉีอวิ๋นจื่อ คิดว่าอุบายของเจ้าจะทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่าได้จริงรึ วันนี้ล่ะ ข้าจะชำระสะสางให้ตำหนักเทพเอง”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ แสงสีม่วงก็ระเบิดไปทั่วร่างกาย เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นขอบฟ้า รัศมีอันทรงพลังก็กดลงบนภูเขาโดยตรง ทำให้แสงดาวที่พร่างพรายหรี่ลงครู่หนึ่ง

“เหมยชิงเกอ เจ้า...”

เสียงของฉีอวิ๋นจื่อดังมาจากแสงดาว

ฝ่ามือของเฮ่อยวนกลายเป็นแสงสีเงิน และซัดฝ่ามือใส่

“ยังไม่ยอมตายรึ”

อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นประลองพร้อมกัน

“ฉีอวิ๋นจื่อ ผู้หญิงร้ายกาจ วันนี้คือวันตายของเจ้า!”

“ฮ่าๆ”

เสียงหัวเราะเยาะดังมาจากแสงจ้าสีเงิน หมอกสีดำไหลออกมาจากร่างกายของนาง

“เฮ่อยวน ท่านคิดจะฆ่าข้าหนึ่งศพสองชีวิตงั้นรึ ข้าตั้งท้องเลือดเนื้อของท่าน พวกผู้ชายอย่างท่านช่างโหดร้ายจริงๆ พอสบายตัวแล้ว ก็ชักสีหน้าทำเป็นไม่รู้จักกัน”

ในเวลานี้ ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งเหาะขึ้นไปบนแท่นประลอง

“เจ้าเมืองเฮ่อจะมีอะไรกับคนอย่างเจ้าได้อย่างไร เจ้าเมืองเฮ่อที่เจ้าคิด แท้จริงคือข้ามาโดยตลอด”

“งั้นบอกมาต่อหน้าทุกคน ใครให้เจ้าฝึกวิชานี้ บางทีข้าอาจใช้เคล็ดวิชาลับของอิ๋นเฉิง ช่วยรักษาชีวิตเจ้าได้”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งได้เข้าไปโจมตีแล้ว และการโจมตีก็รุนแรงมาก

“ท่านพี่ อย่าพูดไร้สาระกับนาง ฆ่าจึงจะตัดปัญหาได้ตลอดไป!”

ฉีอวิ๋นจื่อถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตื่นตระหนก ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างดุร้ายและพูดว่า “เฮ่อยวน เจ้าคือคนที่ยุยงให้นักฆ่าอิ๋นเฉิงฆ่าเหมยชิงเกอปิดปาก ตอนนี้เห็นลูกสาวเจ้าโตขึ้นแล้ว นึกอยากแกล้งเป็นคนดี เจ้าเป็นคนหน้าซื่อใจคดสารเลวโดยสมบูรณ์”

ในหมู่ผู้คนด้านล่างมีเสียงพูดคุยกันมากมาย คิดไม่ถึงว่าระหว่างสองสำนักนี้จะมีความเกี่ยวข้องอันลึกซึ้งกันเช่นนี้

เหมยชิงเกอตวาดเสียงเหี้ยม

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตายเอง งั้นข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง”

ฉีอวิ๋นจื่อหัวเราะรุนแรงอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงบาดแก้วหูว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่กล้าเผชิญกับความจริง ทั้งหมดไม่มีผู้บงการเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นจากฝีมือของเฮ่อยวน เจ้าไม่ต้องหลอกตัวเองอีกแล้ว”

ในเวลานี้ ชายจากอิ๋นเฉิงซึ่งเคยออกมายอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับฉีอวิ๋นจื่อ จู่ๆ ก็เหาะไปหาผู้ชมและหิ้วตัวคนหนึ่งขึ้นมา

พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเมืองเฮ่อสืบทราบชัดเจนแล้ว รู้แล้วว่าผู้บงการเบื้องหลังทุกสิ่งคือคนเลี้ยงม้าคนนี้”

อินชิงเสวียนจำได้ทันทีว่านี่คือชายขาเป๋ที่ไปเจอกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเมื่อวานนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย

สีหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ท่านพี่ นี่ มันเป็นไปได้อย่างไร”

เฮ่อฉางเฟิงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน

“ท่านพ่อ ท่านคงไม่ได้สับสนนะ เหล่าหลิวจะยุยงฆาตกรได้อย่างไร”

เฮ่อยวนพูดนิ่งๆ “ชายผู้นี้มีทักษะวรยุทธ์มากมาย ไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าเห็น ฉางเฟิง เจ้าต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของอิ๋นเฉิงมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าเขาซะ เพื่อให้ความจริงปรากฏ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์