หลิวซือจวินโบกไม้โบกมืออย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ๆ ข้าแค่ถามเฉยๆ”
อินชิงเสวียนกลับเข้าใจผิดไปแล้ว การที่สาวน้อยจะชื่นชมวีรบุรุษ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด ล้วนไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ่อแม่ได้กลับมาคืนดีกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอีก
“ท่านพ่อมีความรักต่อท่านแม่อย่างลึกซึ้ง ชาตินี้ไม่มีวันรับอนุอีก ยิ่งไม่มีใครสามารถทำลายพวกเขาได้ และข้าก็ไม่ยอมให้ใครทำเช่นนี้เช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวซือจวินก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ตามเรื่องเล่าต่างๆ มักบอกว่าหญิงงามต้องคู่กับวีรบุรุษ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่จะบอกว่าในใจไม่มีความรู้สึกโกรธเคืองใจเลยสักนิด ก็คงเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าเฮ่อยวนจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เขาไม่ควรละทิ้งพวกนางสองแม่ลูก แม้ว่าแม่ของนางจะหน้าตาธรรมดา แต่ก็ยังคงเป็นภรรยาคนแรกของเขา
แล้วก็คิดอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลอะไรที่จำใจต้องทำ หรือบางทีเขาอาจจะกลับไปตามหาพวกนางแม่ลูกแล้ว แต่พวกนางกลับย้ายที่อยู่ไปแล้ว
นางถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าเมืองเฮ่อเป็นคนที่มีความรักลึกซึ้งจริงๆ”
“นั่นเพราะเขามีความรักต่อแม่ของข้า”
เมื่อคิดถึงแม่ หลิวซือจวินก็รู้สึกสะเทือนใจ
“แต่ในบรรดาชายหญิงที่แต่งงานแล้ว จะมีใครบ้างที่เย็นชา เพียงแต่ไม่รู้ว่าความรักนี้จะยืนยาวได้นานเท่าใด”
“คุณชายหลิวพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเจ้าไม่เชื่อในความรู้สึกของท่านพ่อที่มีต่อท่านแม่ของข้า?”
อินชิงเสวียนเริ่มไม่พอใจ
หลิวซือจวินพูดอย่างปลงอนิจจังว่า “ข้าแค่คิดว่าจิตใจของผู้คนยากหยั่งถึง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ผู้ใดก็ไม่อาจคาดเดาได้ ข้ามิได้มีเจตนาเคลือบแคลงสงสัยเจ้าเมืองเฮ่อกับเจ้าเมืองเหมยเลย”
อินชิงเสวียนเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “อาจจะใช่ จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ถ้าคุณชายหลิวมีอารมณ์สุนทรีย์ ก็เดินเล่นบนเขาเองได้”
หลิวซือจวินประกบมือคำนับว่า “ถ้าอินชิงเสวียนมีธุระก็ไปทำให้เรียบร้อยเถิด ทิวทัศน์บนภูเขางดงามยิ่งนัก ข้าค่อยกลับไปทีหลัง”
“ได้ เช่นนั้นต้องขอตัวก่อน”
อินชิงเสวียนยอบกายคำนับ จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะตรงไปยังเมืองเล็กๆ ที่ตีนเขา
อินชิงเสวียนกระโดดตามเข้ามา
“คงมั่นคงแล้ว ข้าแค่มีข้อสงสัย อยากมาทดสอบกับหวังซุ่น”
เย่จิ่งหลานแค่นเสียงชิแล้วพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้ใจดีขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเยี่ยมข้าเฉยๆ”
เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนจะเจ็บปวดของเขา อินชิงเสวียนก็กลอกตามองบน
“ข้าก็เป็นห่วงเจ้าเหมือนกัน เจ้าโดนเสียงนั้นหลอกหลอนมาหลายครั้งแล้ว สุขภาพร่างกายแปลกไปไหม”
เย่จิ่งหลานหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อย่างที่เจ้าเห็น เรียบร้อยดีทุกอย่าง”
ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “เราเป็นเพื่อนกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปิดบังอะไรจากข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะยืนข้างเจ้าเสมอ”
เมื่อมองดูใบหน้าดวงเล็กที่ขาวเนียนดุจกระเบื้องเคลือบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
“ข้ารู้แล้ว อย่ามาเล่นบทเศร้าเลย หากพูดอีกสองคำ ข้าคงน้ำตาแตก หวังซุ่น ยังไม่รีบออกมาอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...