“มาแล้วขอรับ”
หวังซุ่นหดคอเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
“บ่าวถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย
“ลุกขึ้นเถอะ ที่ข้ามาหาเจ้าที่นี่ เพราะอยากได้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเจ้า แต่ข้าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นมาก่อน โชคดีที่มีศิษย์จากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ด้วย ไปตามคนมาหน่อย”
หวังซุ่นไม่เข้าใจว่าอินชิงเสวียนหมายความว่าอะไร เย่จิ่งหลานจึงพูดว่า “ไปตามฉินเซ่อผีผามา เดี๋ยวพวกนางจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง”
“อ้อ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
หวังซุ่นไม่กล้าชักช้า หลังจากปิดประตูก็วิ่งแจ้นไป วันนี้เจ้านายยิ่งหงุดหงิดมากกว่าปกติ เขาไม่อยากขัดใจเจ้านายให้ตัวเองซวยหรอกนะ
หลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ทั้งสี่ก็มาถึง ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ยังคงเศร้าเสียใจกับการจากไปของเจ้าสำนักเซี่ยว ดวงตาบวมแดงไปหมด
ทั้งหมดกำลังจะทำความเคารพ แต่ก็ถูกอินชิงเสวียนห้ามไว้
“หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับท่านตา มีเพียงนักพรตเทียนจีที่หายตัวไป ซึ่งน่าสงสัยมาก ข้าอาจมีวิธีล่อเขาออกมา สอบถามเรื่องราวทั้งหมด ขอให้พี่สาวทั้งสี่ช่วยอธิบายความสูงและรูปร่างหน้าตาของนักพรตเทียนจี รวมถึงเสื้อผ้าและกิริยาอาการทั้งหมดของเขาด้วย”
ครั้นแล้วทั้งสี่คนก็เล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้อินชิงเสวียนฟัง หวังซุ่นหยิบพู่กันน้ำหมึกออกมา แล้วจดบันทึกอยู่ข้างๆ รอเมื่อทุกคนพูดจบ เขาก็ร่างเค้าโครงภาพออกมา
“เชิญพี่สาวนางฟ้าทั้งสี่ตรวจดู ว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือไม่”
หวังซุ่นยังคงปากหวานเหมือนเดิม
ทั้งสี่หยิบภาพวาดขึ้นมา แล้วชี้ไปที่รายละเอียดบางจุด หวังซุ่นก็รีบขีดเขียน หลังจากนั้นไม่นาน ก็หยิบภาพวาดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนก็พยักหน้า
“เหมือน เหมือนมาก”
“คราวนี้เหมือนกันทุกประการ”
“นักพรตเทียนจีพูดเนิบช้า น้ำเสียงไม่สูงหรือต่ำ มีความนุ่มนวลอ่อนโยนดุจดั่งนักปราชญ์”
ห้องโถงใหญ่ว่างเปล่า โรงเตี๊ยมที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเมื่อสองวันก่อนตอนนี้ถูกทิ้งร้าง พนักงานกำลังงีบหลับอยู่ที่โต๊ะคิดเงิน เมื่อเห็นคนสองคนลงมา ก็คิดว่าจะคืนห้อง
เย่จิ่งหลานสะบัดข้อมือ แท่งเงินมูลค่าประมาณห้าตำลึงก็ตกลงไปบนโต๊ะอย่างมั่นคง
“ไปทำกับข้าวมาให้ข้าสักสี่อย่าง แล้วเอาชาดีๆ มาสักกา”
พนักงานคนนั้นก็มีพลังขึ้นมาทันที
“ทั้งสองท่านรอสักครู่ อีกประเดี๋ยวจะนำมา”
ทั้งสองไปหาที่นั่งกว้างขวางริมหน้าต่างนั่ง อินชิงเสวียนมองไปที่ถนนสายยาวที่แทบไม่มีคนเดินถนน ในใจรู้สึกค่อนข้างสะเทือนใจ
“เทียบกับไม่กี่วันก่อนแล้ว ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ!”
“ใช่ ตอนนี้ดูเหมือนเมืองร้างเลย”
ทันทีที่เย่จิ่งหลานพูดจบ นักพรตเต๋าชราเกล้าผม มีหนวดเคราและเส้นผมสีขาวก็เดินเข้ามาจากประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...