หลังจากดื่มสุราไปสามจอก ทั้งสามก็คุยกันอย่างสนุกสนาน
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งสองคน
ดูเหมือนว่าชิงลั่วจะสนใจอินชิงเสวียนมาก เย่จิ่งหลานไม่สามารถพูดอะไรแทรกได้ เขาจึงนั่งดื่มคนเดียว ฟังผู้หญิงสองคนคุยโม้กัน
ต้องบอกว่าชิงลั่วมีความรู้และความสามารถมากจริงๆ เชี่ยวชาญด้านศิลปะ การเมือง และวรยุทธ์ทุกประเภท ทั้งยังเก่งเรื่องบทกวี กาพย์กลอน และบทเพลงอีกด้วย ถ้าอินชิงเสวียนขาดความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา เกรงว่านางคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
นับตั้งแต่มาถึงราชวงศ์โจวนางได้เห็นผู้หญิงมากมาย รวมถึงบุปผางดงามประณีตในวังหลวง กุหลาบในชนบท ผู้นำแต่ละสำนัก และยังมีดอกบัวขาวที่ยังไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้เหมือนชิงมาก่อนด้วยซ้ำ นางถึงกับสงสัยว่า ชิงลั่วก็เป็นผู้ข้ามภพมาเช่นกันหรือไม่ แต่บทกวีที่นางพูดนั้น ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์จริงๆ
ดังคำกล่าวที่ว่าใกล้ชาดก็ติดสีแดง อินชิงเสวียนติดตามเย่จิ่งอวี้มานานขนาดนี้ ก็ต้องติดความคิดที่กระหายผู้มีความรู้มาจากเขาเช่นกัน หากชิงลั่วกลับเมืองหลวงกับตัวเองได้ จะช่วยดึงศักยภาพของนางออกมาได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม นางพยายามพูดหลายครั้ง แต่ชิงลั่วไม่ตอบรับ เมื่อคิดว่านางอยากอยู่ท่ามกลางขุนเขาแม่น้ำจริงๆ ก็อดเสียดายไม่ได้
ในชั่วพริบตา ท้องฟ้าก็มืดลง เมื่อมองดูพระจันทร์ที่สุกสว่างอยู่เบื้องบน ชิงลั่วก็วางถ้วยสุราลง ดวงตายังคงสุกใสราวกับน้ำ ไม่มีทีท่าเหมือนคนเมาเลย
“ได้พบกับแม่นางอินในวันนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เสียดายก็แต่เวลาผ่านไปเร็ว ถึงเวลาที่ต้องบอกลาแล้ว”
“ในเมื่อดึกมากแล้ว แม่นางชิงทำไมไม่พักอยู่ที่นี่ เจ้าและข้าจะได้ถือเทียนคุยกันในตอนกลางคืน”
“ไม่ดีกว่า เดิมทีชาวยุทธ์ก็ไม่พิถีพิถันเรื่องใดนัก ถ้ามีวาสนาต่อกัน ข้าจะได้เจอพวกเจ้าอีกแน่นอน สำหรับสุราในวันนี้ ต้องขอขอบคุณมาก”
ชิงลั่วหยิบหมวกไม้ไผ่ขึ้นมาสวมบนศีรษะ จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้น เดินไปที่ประตู ทว่าชิงลั่วได้หายตัวไปแล้ว
“ช่างเป็นผู้หญิงที่พิเศษจริงๆ!”
เย่จิ่งหลานพูดข้างหลังนางว่า “พิเศษ...พิเศษมากจริงๆ”
อินชิงเสวียนหันกลับมาแล้วถามว่า “ในที่สุดก็มีคนที่เข้าตาของเจ้าแล้ว?”
เย่จิ่งหลานเงียบไปสักพักแล้วยิ้ม
“เจ้าพูดถูก มันไม่สำคัญ ข้าชอบสถานะปัจจุบันของข้ามาก ชาติที่แล้วข้าไม่สามารถพึ่งพาพ่อแม่ได้ ชาตินี้สวรรค์ประทานพี่ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมให้ข้า ก็นับว่าเป็นการชดเชยอีกแบบ”
ในขณะนี้ ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็คลายปมทั้งหมดที่อยู่ในใจได้ ไม่มีความรู้สึกฉุดรั้งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจอีกต่อไป
พี่ชายเป็นฮ่องเต้ แม่เป็นไท่เฟย ยังโดดเด่นไม่พออีกหรือ แม้ว่าบิดาบังเกิดเกล้าจะใช้ไม่ได้ แต่โชคดีที่เขาตายไปแล้ว ย่อมไม่มีรอยด่างพร้อยอยู่แล้ว
อินชิงเสวียนพูดอย่างมีความสุขว่า “ถูกต้อง เจ้าคิดแบบนั้นได้ ข้าก็ดีใจมาก แล้วแม่นางชิงเมื่อครู่ เจ้าคิดว่าอย่างไรป”
เย่จิ่งหลานลูบคาง คิดอย่างจริงจัง
“เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านทั้งด้านบุ๋นบู๊ จะเป็นชาวยุทธ์พเนจรได้อย่างไร แม้ว่านางจะไม่ใช่คนน่าสงสัย แต่เบื้องหลังของนางต้องมีเบื้องลึกมากมาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...