“ปีศาจชั่วร้ายบังอาจนัก ถ้ากล้าก็แสดงตัวออกมา แม้จะนานเพียงใดข้าก็จะสู้เจ้าแน่นอน”
ในใจของเก่อหงยวนหวาดกลัว ทว่าท่าทางกลับไม่ยอมแพ้ นางยืนเท้าสะเอว ชี้ไปที่ท้องฟ้าและตะโกนด่าลั่น
ศิษย์คนอื่นๆ ชักกระบี่ยาวออกมา มองดูท้องฟ้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว
คนโบราณขาดความรู้ เชื่อเรื่องเทพเจ้าและผีสางมาโดยตลอด ไม่นางก็มีคนยอมแพ้ทรุดตัวลงร้องไห้
“ระหว่างทางมาที่นี่ได้ยินมาว่าชาวโจวสังหารหมู่ชาวเฟยเหยาเมื่อหลายพันปีก่อน กษัตริย์ของพวกเขาต้องกลายเป็นผีมาแก้แค้น ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะผีได้!”
“ใช่แล้ว นั่นคือผีร้ายที่อยู่มานับพันปี แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน แต่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้!”
ความเข้มแข็งทางจิตใจของทุกคนเริ่มหย่อนยาน ทันใดนั้นก็ตกสู่อำนาจสะกดของค่ายกลนี้ พวกเขาสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง ดึงกระบี่ยาวออกมา โจมตีไปยังคนรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง
เฮ่อยวนเต็มไปด้วยความโกรธ ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “อย่ามองขึ้นไปบนฟ้า ทุกสิ่งล้วนเป็นภาพลวงตา ในโลกนี้ไม่ผีสางเทวดา หากราชาแคว้นเฟยเหยากลายเป็นผีจริงๆ ทำไมต้องรอถึงพันปีค่อยกลับมาแก้แค้น!”
เหมยชิงเกอจึงกล่าวว่า “ทุกคนรวมตัวกัน รวบรวมสติไว้ อย่าให้ค่ายกลชั่วร้ายมีโอกาสเข้าโจมตีได้!”
หลังจากที่พูดจบ กลุ่มหมอกแสงสีม่วงก็ระเบิดออกมาจากรอบตัวเหมยชิงเกอ เพื่อปกป้องทุกคนที่อยู่ในปราณสีม่วง
ความรู้สึกอบอุ่นหลั่งไหลมาเหนือศีรษะ ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงจิตใจที่ชัดเจนในทันใด
เฮ่ออวิ๋นทงยังกล่าวอีกว่า “เชื่อใจเจ้าสำนักทั้งสองท่าน ตราบใดที่มันเป็นค่ายกลย่อมสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้ อย่าทำให้ค่ายกลนี้ยุ่งเหยิง อย่าให้ค่ายกลที่ชั่วร้ายมีโอกาส”
ตอนนี้เจ้าสำนักเซี่ยวเสียชีวิตแล้ว คำพูดของเฮ่ออวิ๋นทงกลายเป็นคำพูดที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเปรียบเทียบกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพหอทองคำที่สูงส่งแล้ว ทุกคนไว้วางใจสำนักดาบสังหารที่เคยต่อสู้ด้วยกันมามากกว่า
หลายคนวางอาวุธลงและนั่งขัดสมาธิบนพื้น กำจัดความคิดที่กวนในใจ ไม่คิดถึงมันอีกต่อไป
เจ้าตัวยักษ์ในเมฆไม่ได้กระโดดลงไปสังหารผู้คน ความกลัวในใจของทุกคนก็ลดลงเล็กน้อย
“แบบนี้ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา หากเราไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ ไม่ช้าก็เร็วเราจะถูกรุกล้ำ ผลที่ตามมายากจะคาดเดา”
เฮ่อยวนพยักหน้า
วรยุทธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งมาก เมื่อใดที่ถูกทำให้จิตใจสับสน ศิษย์เหล่านี้จะไม่สามารถต้านทานได้ มีเพียงแต่ต้องทำลายค่ายกลเท่านั้น ค่ายกลที่เขาได้เรียนรู้ทั้งหมดนั้นมีพื้นฐานมาจากห้าธาตุแปดทิศ แต่ค่ายกลในตอนนี้มิได้เกิดจากทั้งห้าธาตุแห่งฟ้าดิน ซึ่งไม่มีเบาะแสอะไรเลย
ในอีกด้านหนึ่ง อินชิงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิ รวมทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ไว้ในใจ
เมื่อลืมตา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว บริเวณโดยรอบเงียบเชียบ
อินชิงเสวียนยืนขึ้นจากพื้นดิน ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่นาง ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะ
เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปสิบก้าว คนผู้นี้สูงโปร่ง กระโปรงพลิ้วไหว แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่อินชิงเสวียนก็ยังจำนางได้ ซึ่งนางก็คือลั่วสุ่ยชิง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...