“ในที่สุดก็เต็มใจที่จะปรากฏตัวแล้วงั้นรึ ราชาแคว้นเฟยเหยา?”
เสียงของอินชิงเสวียนสงบ ไม่แปลกใจหรือขุ่นเคือง ยังเปี่ยมไปด้วยท่วงท่าของมารดาแห่งแคว้นที่ยิ่งใหญ่
ลั่วสุ่ยชิงเดินออกจากเงามืด ดวงตาชัดเจน ร่างสูงโปร่ง พร้อมด้วยความกล้าหาญที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษเพศ
“คิดว่าเจ้าคงรู้ตัวตนของข้ามานานแล้ว เช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงต้องเสแสร้งพูดจาอ้อมโลกด้วยเล่า”
อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าพูดผิดแล้ว ไม่ใช่การเสแสร้งพูดจาอ้อมโลก ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าถือว่าเจ้าเป็นเพื่อน ความใจกว้างและไม่ยึดติดของเจ้า หาได้ยากในหมู่สตรียุคนี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงเข้าใจและเห็นใจ ไม่ได้โกรธเคืองที่เจ้าทำเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ที่ข้าจะฟื้นฟูแคว้นเป็นความผิดอย่างไร”
ลั่วสุ่ยชิงจ้องมองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เพราะการฟื้นฟูแคว้นไม่ใช่ความรับผิดชอบของเจ้าเพียงผู้เดียว สงครามระหว่างทั้งสองแคว้นเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของคนนับหมื่น นี่คือการเข่นฆ่าสังหาร”
อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ยืนอยู่ตรงข้ามกับลั่วสุ่ยชิง ทั้งสองเป็นสตรีที่งดงามหยาดเยิ้ม ทั้งสง่างามสูงส่ง แต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง
“แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะเป็นฮ่องเต้แห่งต้าโจว แต่เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายแคว้นเฟยเหยา หลังจากการเปลี่ยนแปลงนับพันปี ต้าโจวในปัจจุบันก็ไม่ใช่ต้าโจวในอดีตอีกต่อไป ดังคำกล่าวที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง แม้ว่าแม่นางลั่วต้องการล้างแค้นให้กับราชวงศ์เฟยเหยา แต่เป้าหมายก็ไม่ควรเป็นเรา”
ลั่วสุ่ยชิงแค่นเสียงขึ้นจมูก
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาในตอนนั้น จะมีพวกเจ้าในตอนนี้ได้อย่างไร”
ริมฝีปากของอินชิงเสวียนยกขึ้นเล็กน้อย
“แล้วถ้า...ข้าไม่ได้มาจากพวกเขาล่ะ มีคุณสมบัติที่จะเกลี้ยกล่อมเจ้าได้หรือไม่”
ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ขณะที่ลั่วสุ่ยชิงพูด นางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ราวกับว่ามีบางอย่างถูกดึงออกจากร่างกาย นางอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไป มองดูอินชิงเสวียนอย่างระมัดระวัง
แววตาของอินชิงเสวียนเป็นประกายแห่งความยินดี ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับชิงฮุย นางตื่นตระหนกเกินไป คิดแค่ว่าจะต่อสู้กับเขาอย่างไร ลืมใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับเขา และจังหวะนี้เอง ทำให้นางได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับค่ายกล เพียงใช้เวลาเล็กน้อย ก็จะสามารถแก้ไขได้
สิ่งที่ได้มาในขณะเดียวกัน ก็คือท่าวรยุทธ์และกำลังภายในของลั่วสุ่ยชิง
“หายากที่ราชาแคว้นเฟยเหยาจะสนใจ ถ้าปฏิเสธ คงจะสำออยเกินไป ข้าจะใช้วรยุทธ์ของชาวเฟยเหยาของพวกเจ้า เพื่อต่อสู้กับเจ้า”
อินชิงเสวียนค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ทำท่าต่อสู้ มีหมอกไหมสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของนางราวกับวิญญาณงู และค้างอยู่บนฝ่ามือของอินชิงเสวียน
ในชั่วพริบตา ร่างกายของนางถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ เช่นนี้แล้ว ก็กลายเป็นลั่วสุ่ยชิงอีกคน
ลั่วสุ่ยชิงตกตะลึง
“ป่ะ เป็นไปได้อย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...