“วิธีอะไร”
เย่จิ่งอวี้มองไปยังอินชิงเสวียน หญิงสาวเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีความคิดประหลาดแสนกลมากมาย
“วิธีการของข้าต้องได้ผลแน่นอน แต่ก็ค่อนข้างอันตราย จุดประสงค์ของชิงฮุยคือการแบ่งแยกยุทธจักร เขาต้องโจมตีชาวยุทธ์อย่างแน่นอน เรารวบรวมกลุ่มยอดฝีมือ และแกล้งทำเป็นว่าออกไปตามหาเย่จิ่งหลานข้างนอก...
...หากชิงฮุยหวังจะประสบความสำเร็จด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว เขาจะส่งเย่จิ่งหลานไปแน่นอน หรืออาจลงมือเอง นี่เป็นโอกาสเหมาะ ประจวบเหมาะกับมีหวังซุ่นอยู่ด้วย ให้เขาสร้างใบหน้าของกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ให้เรา เหลือผู้อาวุโสไว้เพียงหนึ่งหรือสองคนก็พอ หากทั้งหมดมีแต่ศิษย์รุ่นเยาว์ เกรงว่าพวกเขาอาจไม่ปรากฏตัว”
นักพรตเทียนชิงกล่าวอย่างเห็นด้วย “แม่นางอินคิดได้รอบคอบ เช่นนี้แล้ว เราก็รีบหารือกันเถอะ ว่าจะจัดสรรกำลังคนอย่างไร”
พวกเขาทั้งสามกลับไปที่อิ๋นเฉิงและแจ้งให้เฮ่อยวนทราบถึงเรื่องนี้ ซึ่งข้อเสนอนี้นั้น เฮ่อยวนและคนอื่นๆ ก็เห็นชอบด้วย
นอกจากการล่องูออกจากรูแล้ว ก็ไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่านี้อีก
หวังซุ่นเป็นห่วงเย่จิ่งหลานตลอดเวลา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อคำพูดของเขาไร้น้ำหนัก ทักษะวรยุทธ์ก็แย่ จึงทำได้เพียงซุกตัวที่มุมห้องรอฟังข้อมูลเงียบๆ ไม่กล้าถามอะไรมาก
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะมีประโยชน์ เขาก็ไม่อิดออด ลงมือทำหน้ากากตามคำขอของอินชิงเสวียนทันที
สองวันต่อมา คนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากเมืองอย่างยิ่งใหญ่ นำโดยเฮ่ออวิ๋นทงจากสำนักกระบี่สังหารและเซี่ยวอิ๋นหวนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
ข้างหลังเขาเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมด กลุ่มคนเหล่านี้ดูราวกับเป็นยอดฝีมือหัวกะทิจากสำนักต่างๆ แต่งกายด้วยชุดเกราะแข็งแกร่งกระบี่คมกริบ ท่วงท่าสง่างามแข็งแกร่ง เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นพู่กระบี่หลากสีพลิ้วไหวไปมา สร้างภาพลักษณ์ที่ดูฮึกเหิมมีชีวิตชีวาราวกับภาพของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่แต่งกายสวยงามขี่ม้าเร็ว
ขบวนทั้งหมดมีประมาณยี่สิบคน แต่กลับเดินออกไปเหมือนกองทหารหลายพันคน
กลางเขาที่ซ่อนเร้นแห่งหนึ่ง ชิงฮุยกำลังฝึกบำเพ็ญตบะ ด้านหลังคือเย่จิ่งหลานที่ยืนนิ่งสนิทปราศจากอารมณ์ใดๆ และลั่วสุ่ยชิงที่ถูกคุมขังด้วยโซ่เหล็กพิเศษ
นางถูกปิดผนึกเส้นลมปราณ ปากพูดไม่ได้ ดวงตามองไม่เห็น เป็นเหมือนตุ๊กตาดินเหนียวที่ติดอยู่กับกำแพงภูเขาโดยไม่เคลื่อนไหว
ชายคนนั้นรับคำสั่งแล้วจากไป ชิงฮุยเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง ซึ่งเย่จิ่งหลานก็เดินตามพวกเขาลงมาจากภูเขาด้วย
ชิงฮุยยืนขึ้นอย่างช้าๆ มองลงไปที่ภูเขาด้วยแววตาราบเรียบ
เวลาเนิ่นนานเขาก็ยังรอมาได้ ฉะนั้นจึงไม่รีบร้อน
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ฝึกฝนลูกหลานชาวแคว้นเฟยเหยาเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต้องทำให้แน่ใจว่าเมื่อถูกดึงออกจากฝัก พวกเขาทุกคนจะเป็นกระบี่คมไร้เทียมทาน
เขาโบกมือ จากนั้นก็มีคนเดินออกมาจากข้างหลังหลายคน
“คุณชายมีสิ่งใดให้รับใช้”
ชิงฮุยยืนเอามือไพล่หลัง พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ยามนี้แต่ละสำนักว่างเปล่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเป็นศิษย์ที่เฝ้าภูเขา พวกเจ้าออกไปเดินดู ถ้าสังหารได้ก็จัดการสังหารซะ ถ้าไม่มีคนให้สังหาร จงทำลายบัญชีข้อมูลของแต่ละสำนัก จงหยวนพักมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องเส้นยืดสายหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...