ชิงผิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย
“ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
ชิงอานชำเลืองมองดูสาวสวยบนถนน พลางพูดว่า “พูดตามหลักเหตุผลแล้ว สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ว่า ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เย่จิ่งหลานกลอกตามองบน
“เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร”
จู่ๆ ชิงอานก็รู้สึกตื่นเต้น
“โลกนี้ช่างน่าอยู่จริงๆ บ้านเรือนต่างสร้างสูงเสียดฟ้า”
ชิงผิงก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไม่รู้ว่าจะมองไปที่ไหน
“คุณชายน้อยเย่ ช่วยให้เราได้ลองนั่งรถนั้นด้วยได้ไหม”
เย่จิ่งหลานหยิบโทรศัพท์มือถือ แต่พบว่าตัวเองไม่มีเงิน
หลังจากลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็โทรหาเสี่ยวหลานหลานอย่างไม่อาย
“โอนเงินให้ฉันได้ไหม”
“ไม่มีปัญหา”
หนึ่งนาทีต่อมา เงินจำนวน 250,000 บาทก็ถูกโอนเข้าบัญชีมา
“หนึ่งวันมีงบแค่นี้ ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้ผมจะโอนให้อีก”
เย่จิ่งหลานดูอิจฉาตาร้อน
“สมแล้วที่เป็นคุณชายน้อยแห่งตระกูลมหาเศรษฐี เจ๋งมาก!”
“ยกย่องเกินไปแล้ว ผมยังต้องทำการบ้าน แค่นี้นะ”
เสี่ยวหลานหลานตัดสายโทรศัพท์ โลกนี้ไม่ดีแค่ตรงนี้แหละ ไม่เพียงแต่ต้องทำการบ้านเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนพิเศษด้วย ไม่อิสรเสรีเหมือนตอนที่เป็นท่านอ๋อง
เย่จิ่งหลานยกมือขึ้นเรียกแท็กซี่ แล้วพานักพรตสองคนขึ้นรถ
คนขับถามอย่างสุภาพว่า “ต้องการไปไหนครับ”
ลั่วสุ่ยชิงยังคงนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่ใบหน้าเริ่มซีดลง ร่างทั้งร่างสั่นเทา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลมปราณที่ไม่ได้เป็นของเขาและลั่วสุ่ยชิงก็พรั่งพรูเข้ามาจากภายนอก ลมปราณของนักพรตเต๋าอันบริสุทธิ์ ทำให้เย่จิ่งหลานรู้สึกสงบเยือกเย็น
“คุณชายน้อยเย่ เจ้าออกมาได้แล้ว”
เย่จิ่งหลานลืมตาขึ้น กลับเห็นชิงผิงขมวดคิ้วอยู่
“แปลกจริงๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในสถานการณ์ปกติ ห้วงทะเลแห่งจิตไม่สามารถถูกบุคคลภายนอกรุกรานเข้ามาได้ เว้นแต่ว่า เจ้าจะเคยถูกใครควบคุมมาก่อน แล้วบุคคลที่สามก็ฉวยโอกาสเข้ามา แต่...แก่นวิญญาณสามารถบำเพ็ญตบะอยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของเจ้าได้ ช่างแปลกจริงๆ”
ชิงผิงหยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนไม่ถูกแยกจากกัน หมายความว่า พวกเจ้าอาจมีวิทยายุทธ์แบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในร่างกายของคุณชายน้อยเย่ข้าพบลมปราณที่ไม่ได้เป็นของเจ้าด้วย ซึ่งลมปราณนี้หลอมรวมกับเจ้าแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เย่จิ่งหลานหลับตาตรวจจับสัมผัสทันที พบว่ามีร่องรอยของปราณสีดำอยู่ในตัวของเขาจริงๆ หรือว่า นี่คือวรยุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา?
แต่ว่าตัวเขาไปร่ำเรียนมาได้อย่างไร
ความทรงจำของเขาก็ดันขาดขายไปช่วงหนึ่ง จำได้แค่ว่าตัวเองอยู่ในอิ๋นเฉิง ส่วนที่เหลือก็จำอะไรไม่ได้เลย
ชิงผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง แก่นวิญญาณของนางถูกควบคุมโดยผู้อื่น ดังนั้น เศษเสี้ยวของแก่นวิญญาณที่เหลือ จึงมีสัญญาณแห่งการสลายไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...