สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1485

“ไม่คิดจะตามหาชิงฮุยอีกแล้วงั้นหรือ”

ลั่วสุ่ยชิงเดินช้าๆ เข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา

สาวๆ คุยกัน เย่จิ่งอวี้ไม่อยากฟังมากนัก เขาจึงพูดอย่างอบอุ่น “พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้าจะไปอยู่กับท่านแม่”

อินชิงเสวียนยืนตัวตรง

“ตั้งแต่เรื่องวิถีสวรรค์มาจนถึงเรืองชิงฮุย สงครามนี้ต่อสู้กันมานานเกินไป อาอวี้ในฐานะผู้ครองแคว้น ไม่สามารถอยู่ในยุทธภพได้นาน หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันอะไร วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ พวกเราก็อาจจะจากไป ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วตั้งใจจะไปที่ใด หากเจ้าไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เจ้าก็ไปเมืองหลวงกับเราได้เช่นกัน”

ทันใดนั้นลั่วสุ่ยชิงก็ยิ้มออกมา

“ถ้าเจ้าไม่คิดว่าข้าเป็นภาระ เช่นนั้นข้าก็ยินดีมาก”

“เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ระหว่างเพื่อน จะมีคำว่าเป็นภาระได้อย่างไร”

ลั่วสุ่ยชิงประกบมือคารวะ

“ถ้าอย่างนั้นขอรับคำขอด้วยความยินดี แต่เย่จิ่งหลาน พวกเจ้าจะไม่ตามหาแล้วงั้นหรือ”

อินชิงเสวียนถอนหายใจ

“ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่ แม้ว่าตามหาทั้งภูเขาและแม่น้ำหลายพันลูก ก็เกรงว่าจะตามหาไม่พบ”

นางมองดูท้องฟ้า กระซิบเสียงเบา “ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา เมื่อเขากลับไปยังที่เดิม จะต้องมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน บางทีนี่อาจเป็นการชดเชยที่สวรรค์มอบให้เขา”

“เจ้าหมายถึงวรยุทธ์ของเขา หรือว่ามิติของเขา?”

ลั่วสุ่ยถามอย่างเงียบๆ

อินชิงเสวียนยิ้ม “ทั้งคู่”

ทันใดนั้นลั่วสุ่ยชิงก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มิติดำรงอยู่แบบไหน คือเมล็ดในเขาพระสุเมรุในตำนาน หรือเป็นวงล้อมิติที่อธิบายไว้ในตำราภาพวาดว่าสามารถบรรจุทุกสิ่งได้”

เย่จิ่งหลานพูดคุยสื่อสารกับลั่วสุ่ยชิงบ่อยๆ แถมเขายังนำของต่างๆ ออกมาจากมิติหลายครั้ง โดยไม่ปิดบังลั่วสุ่ยชิง ซึ่งคำพูดนี้ของนาง อินชิงเสวียนจึงไม่รู้สึกว่าน่าประหลาด

“มิติเหมือนเป็นสิ่งวิเศษ และมีหลายประเภท มิติของเย่จิ่งหลานสามารถพาคนเข้าไปได้ตามใจชอบ แต่ของข้าแตกต่างออกไป มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับข้า หรือผู้ที่ใกล้ชิดกันมากเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าไปได้ หากไม่ถูกจำกัดด้วยเหตุนี้ ข้าคงเชิญแม่นางลั่วเข้าไปดูแน่ๆ”

ลั่วสุ่ยชิงตระหนักได้ทันที

“ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางอินสามารถนำน้ำพุวิญญาณออกมาจากมิติได้ คิดว่าคงสุดยอดมากกว่าเย่จิ่งหลานด้วยซ้ำ”

“ไม่อาจเรียกได้ว่าสุดยอด ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง เช่นเดียวกับศิลปะการต่อสู้ แต่ละคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง”

“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เรียน”

เสี่ยวหนานเฟิงเฉลียวฉลาดหาตัวจับยาก สำหรับลูกชายสุดที่รักคนนี้ อินชิงเสวียนค่อนข้างมั่นใจมาก หากให้เวลาเขา เขาต้องเป็นเหมือนสุภาษิตที่ว่า อันสีครามนั้นกลั่นมาจากต้นคราม แต่สีสันแก่เข้มยิ่งกว่าต้นคราม

เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างรู้ความ และโบกมือไปทางลั่วสุ่ยชิง

“สวัสดีพี่สาวลั่ว”

ลั่วสุ่ยชิงจับมือเล็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วจับโยกไปมาสองครั้ง

“เด็กดี”

นางยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เจ้าสองคนแม่ลูกเล่นกันไปก่อนนะ ข้าไม่รบกวนแล้ว”

“พี่สาวลั่วแล้วเจอกันนะ”

เสี่ยวหนานเฟิงโบกมือเล็กๆ มองไปยังลั่วสุ่ยชิง

เมื่อนางเดินจากไปไกล เสี่ยวหนานเฟิงก็เกาศีรษะแกรกๆ แล้วพูดเสียงใส “ท่านแม่ พี่สาวลั่วดูแปลกจัง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์